ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวในวันอาทิตย์ว่า ยูเครนต้องการอาวุธพิสัยไกลเพื่อปกป้องเมืองต่าง ๆ ของประเทศและทหารที่ประจำอยู่ที่แนวหน้าของการรบ หลังรัสเซียส่งโดรนและขีปนาวุธเข้าโจมตีครั้งใหญ่ใส่กรุงเคียฟในช่วงข้ามคืนก่อนหน้า
กองทัพมอสโกทำการโจมตีโดรนครั้งที่ 5 ในรอบ 2 สัปดาห์เข้าใส่เมืองหลวงของยูเครนตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ แต่ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครนก็สามารถยิงทำลายอาวุธต่าง ๆ ได้หมดก่อนจะมาถึงเป้าหมาย ตามรายงานของกองทัพ
ส่วนกองทัพอากาศยูเครนโพสต์ข้อความทางแอปเทเลแกรมว่า ระบบป้องกันทางอากาศยิงโดรน 35 ลำจากทั้งหมด 39 ลำและขีปนาวุธแบบร่อนอีก 2 ลูกที่รัสเซียส่งมา โดยระบุว่า อาวุธทั้งหมดนั้นพุ่งเป้าโจมตีเข้าใส่ 10 เขตปกครองของประเทศ
ยังไม่มีความชัดเจนว่า มีขีปนาวุธและโดรนจำนวนเท่าใดที่ถูกส่งมาโจมตีกรุงเคียฟ ขณะที่ เซอร์ฮีย์ โพพโก หัวหน้าฝ่ายบริหารกองทัพของเมืองหลวงยูเครน ระบุในโพสต์ทางเทเลแกรมว่า ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและความเสียหายรุนแรงในพื้นที่
ทั้งนี้ เซเลนสกี โพสต์ข้อความทางแอปเทเลแกรมด้วยว่า “ในเหตุการณ์เมือคืน กองทัพรัสเซียใช้โดรนชาเฮดเกือบ 40 ลำ(โจมตี)ใส่ยูเครน สิ่งที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่ถูกยิงตกด้วยระบบป้องกันน่านฟ้าของเรา”
ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำลายเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ฐานทัพอากาศของรัสเซียเพื่อปกป้องยูเครนจากการจู่โจมทางอากาศ
เซเลนสกีระบุด้วยว่า “ความสามารถ(โจมตี)พิสัยไกลอันเพียงพอของเราควรจะเป็นการตอบโต้ที่เป็นธรรมต่อการก่อการร้ายของรัสเซีย ทุกคนที่สนับสนุนเราในการนี้ (ขอให้)สนับสนุนการปกป้องเพื่อต้านการก่อการร้าย(ด้วย)”
เมื่อวันศุกร์ขณะเข้าร่วมประชุมกับผู้นำยุโรปที่กรุงลอนดอน เซเลนสกียังเดินหน้าขอให้พันธมิตรชาติตะวันตกอนุญาตให้ใช้การโจมตีระยะไกลเข้าใส่รัสเซีย พร้อมกล่าวว่า อังกฤษควรพยายามคุยกับหุ้นส่วนทั้งหลายยอมยกเลิกข้อจำกัดการใช้อาวุธนี้ด้วย
ที่ผ่านมา ประเทศสมาชิกกลุ่มนาโต้มีจุดยืนที่ต่างกันในประเด็นการใช้อาวุธที่มอบให้ยูเครน โดยบางประเทศประกาศชัดเจนว่า กรุงเคียฟสามารถใช้โจมตีพื้นที่ภายในอาณาเขตของรัสเซียได้ ขณะที่ สหรัฐฯ ตั้งเงื่อนไขว่า ให้ใช้อาวุธของตนโจมตีได้เพียงพื้นที่ติดชายแดนฝั่งรัสเซียเพื่อจัดการกับเป้าหมายทางทหารที่มอสโกใช้ในการโจมตีใส่ยูเครนเท่านั้น
- ที่มา: รอยเตอร์