เจ้าหน้าที่กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียส่งขีปนาวุธเข้ามาโจมตีเมืองท่าโอเดสซาในวันพุธ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย พร้อมระบุว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการยิงถล่มด้วยขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและแบบนำวิถีทั้งหมด 5 ลูกพร้อมกับโดรน 20 ลำที่พุ่งเป้าไปยังหลายจุดของประเทศ
กองทัพอากาศยูเครนกล่าวว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศสามารถยิงโดรน 14 ลำที่รัสเซียส่งมาตกลงเหนือน่านฟ้าเขตปกครองเชอร์คาซี ดนิโปรเพตรอฟสก์ เคอร์ซอน คเมลนิตสกี มีโคลาอิฟ โอเดสซา ริฟเนและวินนีตเซีย
โอเล็กซานเดอร์ โควาล ผู้ว่าการเขตปกครองริฟเน ระบุในโพสต์ทางแอปเทเลแกรม (Telegram) ว่า โดรนของรัสเซียพุ่งเป้าเข้าใส่โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานในพื้นที่ และว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ โดยบริษัทยูเครเนอร์โก ผู้ให้บริการพลังงานไฟฟ้ารายงานว่า โรงงานแห่งหนึ่งของตนในริฟเน คือ จุดที่ถูกโจมตีรุนแรง
ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า ได้ยิงโดรนของยูเครน 2 ลำตกเหนือน่านฟ้าแคว้นเบลโกรอดและโวโรเนซ
ความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน
สมาชิกองค์การนาโต้ที่มาร่วมประชุมสุดยอดที่กรุงวอชิงตันประกาศเมื่อวันอังคารว่า จะมีการส่งมอบระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ 5 ชุดให้กับยูเครนเพื่อใช้ในการปกป้องอธิปไตย โดยประเทศที่ร่วมให้การช่วยเหลือคือ สหรัฐฯ เยอรมนี โรมาเนีย เนเธอร์แลนด์และอิตาลี
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่เดินทางมาร่วมประชุมในสัปดาห์นี้ด้วย บอกกับผู้สื่อข่าว วีโอเอ ว่า ตนมีแผนจะพูดคุยกับผู้นำสมาชิกนาโต้ทั้งหลายเพื่อขอให้ดำเนินการสนับสนุนยูเครนเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน โดยระบุว่า “จะมีการหารือประเด็นที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ ก่อน ซึ่งก็คือ ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ” และว่า “แม้ผมจะรู้สึกขอบคุณต่อท่านประธานาธิบดี(โจ ไบเดน) รัฐบาล(สหรัฐฯ)และสภาคองเกรสสหรัฐฯ สำหรับความช่วยเหลือที่ลงมติมอบให้ เราหวังว่า ทั้งหมดจะค่อย ๆ มาถึงสนามรบและค่อย ๆ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทัพของเราต่อไป”
การโจมตีโรงพยาบาลเด็กกรุงเคียฟ
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดประชุมฉุกเฉินเมื่อเช้าวันอังคารเพื่อหารือเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลเด็กโอคห์มัตดิต ในกรุงเคียฟ
จอยซ์ มซูยา รักษาการหัวหน้าสำนักกิจการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น ยืนยันว่า โรงพยาบาลทั้งหลายได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และว่า “การดำเนินการโจมตีอย่างจงใจเข้าใส่โรงพยาบาลที่ได้รับการปกป้องคุ้มครองคือ อาชญากรรมสงคราม และผู้กระทำผิดต้องรับผิดชอบ”
มซูยา เปิดเผยว่า ห้องผู้ป่วยหนัก (ICU) แผนกศัลยกรรมและแผนกอายุรกรรมโรคมะเร็ง คือ ส่วนที่ได้รับความเสียหายรุนแรงหนัก ส่วนศูนย์ฟอกไตก็ถูกทำลายจนหมด
เธอกล่าวว่า “หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้นที่เข้าไปในพื้นที่ทันทีหลังเกิดการโจมตีพบเด็ก ๆ ที่รักษาอาการโรคมะเร็งนอนอยู่บนเตียงที่ถูกเข็นมาอยู่ตามลานจอดรถและท้องถนน ขณะที่ เจ้าหน้าที่การแพทย์เร่งทำการคัดแยกผู้ป่วยท่ามกลางสภาพวุ่นวายโกลาหล ฝุ่นตลบและเศษซากอาคารที่ถูกทำลาย”
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวว่า การโจมตีของตนพุ่งเป้าไปยังโรงงานทางทหารและฐานทัพอากาศของยูเครน และทุกอย่างก็ประสบความสำเร็จด้วยดี พร้อมปฏิเสธว่า กองทัพมอสโกพุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่ของพลเรือนและกล่าวอ้างโดยไม่มีหลักฐานว่า ภาพถ่ายจากกรุงเคียฟชี้ให้เห็นว่า ความเสียหายนั้นเกิดจากขีปนาวุธป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครนเอง
วาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำยูเอ็น กล่าวด้วยว่า คณะมนตรีความมั่นคงฯ กำลังถูกดึงเข้าสู่ “แผนงานโฆษณาชวนเชื่อแสนสกปรก” ของยูเครนและเหล่าผู้สนับสนุน และว่า “รัสเซียไม่โจมตีเป้าหมายพลเรือนในยูเครน” พร้อมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับช่วงเวลาของการโจมตีนี้ที่เกิดขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดนาโต้ที่กรุงวอชิงตันจะเริ่มขึ้นด้วย
- ข้อมูลบางส่วนมาจากรอยเตอร์ เอเอฟพีและเอพี
กระดานความเห็น