อ่านจดหมายเปิดผนึก ของ 'มณฑนัศ รัตนภักดี' ทายาทของนายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ที่ถูกทำร้ายจนเสียชีวิต ที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2564 เผยความรู้สึกในวันที่รอคอยการเรียกร้องความยุติธรรม ในทุกรายละเอียด ระหว่างการรับฟังการไต่สวนมูลฟ้อง (Preliminary hearing) ที่ศาลซานฟรานซิสโก ที่เริ่มในวันที่ ครบ 500 วันการจากไปของคุณพ่อของเธอ
ครบรอบ 500 วัน ขึ้นศาลคดี เดินหน้า ‘Preliminary hearing’
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2564 คือวันที่คุณพ่อวิชาเสียชีวิตลง ในหัวฉันสับสนวุ่นวาย มีคำถามมากมายวนเข้ามาในหัวทุกวินาทีว่าทำไมพ่อของฉันถึงถูกฆ่า?
เหตุการณ์ร้ายนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? อะไรทำให้พ่อเลือดออกเยอะอย่างนั้น? คุณพ่อนอนข้างนอกบนฟุตบาทนานแค่ไหนก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง? คนจิตใจประเภทไหนถึงจะทำกับพ่อได้ขนาดนี้
ในศาลเมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีการซักพยานเบื้องต้นอย่างละเอียด ฉันรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจมากๆ โดยเฉพาะเมื่อได้ยินพยานให้การยิ่งทำให้ฉันเสียใจหนักขึ้นไปอีก มีคำให้การของพยานที่เป็นเพื่อนบ้านชื่อ Mr. John Belfiore ที่มีอพาร์ตเมนต์อยู่ใน Anza Vista เหมือนกัน เขาให้การว่าเขาได้ยินเสียงคนตะโกนโวยวายข้างนอกอพาร์ตเมนต์ขณะที่เขาดูทีวีในห้องนั่งเล่นในของเขา เมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่บนทางเท้า ตรงหน้าประตูการาจ และเขาได้โทรหา 911 ทันที เขาเห็นชายในแจ็กเก็ต puffy สีดำเดินออกไปจากร่างชายชรา แลัวหันหลังเดินกลับไปหาพร้อมก้มลงมองร่างชายชราที่นอนอยู่หน้าการาจอีกครั้ง
เมื่อฉันได้ยินคำให้การของพยานฉันรู้สึกอารมณ์เสียและเสียใจมาก คุณพ่อของเราน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ถ้านายวัตสัน-ผู้ต้องหา เป็นผู้โทรเรียก 911 ทันที แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น เขายืนจ้องมองตาคุณพ่อของเราด้วยสายตาที่เลือดเย็น และมองให้คุณพ่อฉันตายไปต่อหน้าเขา เขาพร้อมที่จะเห็นพ่อของฉันตาย คุณพ่อของฉันคงกลัวมากที่เห็นคนที่ทำร้ายท่านยืนจ้องอยู่เหนือร่างของท่าน
คุณพ่อของฉันมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะเลือดไหลไม่หยุดและไม่สามารถพูดได้ แต่ยังมีสติและมีลมหายใจ
พยานคนที่ 4 Mr. Jeffrey และภรรยาของเขาที่ขับรถผ่านมาและเป็นผู้เอาผ้าห่มในรถมาคลุมร่างคุณพ่อและมองอย่างอ่อนโยนพร้อมบอกคุณพ่อว่า อย่าพยายามลุกขึ้นเพราะเลือดไหลออกมาไม่หยุดและพวกเขาก็เป็นอีกคนที่โทรเรียก 911 ทันที
เขายืนจ้องมองตาคุณพ่อของเราด้วยสายตาที่เลือดเย็น และมองให้คุณพ่อฉันตายไปต่อหน้าเขา เขาพร้อมที่จะเห็นพ่อของฉันตาย คุณพ่อของฉันคงกลัวมากที่เห็นคนที่ทำร้ายท่านยืนจ้องอยู่เหนือร่างของท่านแม้คนแปลกหน้าที่ผ่านมายังยื่นผ้าห่มให้พ่อและมองเข้าไปในดวงตาของท่าน ซึ่งนายวัตสันก็ควรทำแบบนั้นเช่นกัน แต่เค้าเลือกที่จะยืนมองดูคุณพ่อของฉันตายไปต่อหน้าต่อตา ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ช่างเลือดเย็นอย่างที่สุด เขาคงห่วงตัวเองมากกว่าชีวิตคนอื่นที่เขาทำร้าย
เขายืนจ้องมองตาคุณพ่อของเราด้วยสายตาที่เลือดเย็น และมองให้คุณพ่อฉันตายไปต่อหน้าเขา เขาพร้อมที่จะเห็นพ่อของฉันตายมณฑนัศ รัตนภักดี
พยานผู้เห็นเหตุการณ์อย่างน้อยหนึ่งคนบอกกับตำรวจว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งตะโกนและเดินไปตามฟุตบาท และได้เข้าไปในรถบีเอ็มดับเบิลยูสีเงินที่จอดอยู่ใกล้ๆ แล้วจอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินหนีไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งในรถ
ในวันพุธ เช้าวันนี้ Officer V. Dirkin ขึ้นเป็นพยานให้การ และแสดงภาพวงจรปิดจับภาพ
อีกกล้อง เห็นนายวัตสันเปิดประตูวิ่งลงจากรถยนตร์ BMW สีเงิน แล้วอาละวาดตีกระจกรถยนต์จอดข้างหลังรถของเขา ก่อนวิ่งลงไปตรงจุดเกิดเหตุ หลังจากวัตสันทำร้ายคุณพ่อของฉันเขาก็วิ่งกลับมาที่รถแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเดินกลับไปที่ร่างของพ่อฉัน
แล้วกลับมานั่งในรถกับมาเลเชีย กู แล้วออกจากรถเดินหนีไป แต่วัตสันยังเดินกลับไปที่หัวมุม ณ.จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พยานทั้ง 3 คน เห็นเหตุการณ์เหมือนกัน
Your browser doesn’t support HTML5
ตำรวจ พยานคนที่สองให้การว่า เช้าวันพุธที่ 28 มกราคม 2564 เวลาประมาณ 2-3 am. วัตสัน ขับรถด้วยความเร็วเกินพิกัด และไม่หยุดในจุด stop sign. ตำรวจจับ วัตสันได้ตอนนั้น วัตสันก่อเหตุ hit and run รถ 3 คันในเวลาเดียวกันและพยามหนี ตำรวจใส่กุญแจข้อมือและให้ใบสั่งเขาแล้วปล่อยตัวไปทันทีหลังจากจับ จึงทำให้วัตสันสามารถขับรถไปจอดในจุดที่เกิดเหตุการณ์ทำร้ายคุณพ่อวิชาของฉันแพทย์บอกว่าแรงกระแทกทำให้เกิดรอยฟกช้ำที่ศีรษะของคุณพ่อทั้งภายในและภายนอก อาการบาดเจ็บทำให้สมองเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่ในกะโหลกศีรษะ
แพทย์บอกว่าแรงกระแทกทำให้เกิดรอยฟกช้ำที่ศีรษะของคุณพ่อทั้งภายในและภายนอก อาการบาดเจ็บทำให้สมองเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่ในกะโหลกศีรษะมณฑนัศ รัตนภักดี
จากการชัณสูตรทางการแพทย์: แพทย์บอกว่า แรงกระแทกทำให้เกิดรอยฟกช้ำที่ศีรษะของคุณพ่อทั้งภายในและภายนอก อาการบาดเจ็บทำให้สมองเคลื่อนออกจากตำแหน่งที่ควรอยู่ในกะโหลกศีรษะ แพทย์ทราบชัดเจนว่า การเสียชีวิตของพ่อฉันเกิดจากการบาดเจ็บจากแรงทื่หัวกระแทกพื้นอย่างแรง เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตัดสินและระบุว่า เป็น คดีฆาตกรรม
เมื่อฉันได้ยินผลวินิจฉัยจากแพทย์ที่ชันสูตรแล้ว ฉันรู้สึกตัวชาไปทั้งตัว ฉันรู้ว่าสมองของพ่อฉันถูกทำลายซึ่งเท่ากับตาย อยู่บนทางเท้าแล้วตั้งแต่เช้าวันนั้น แต่ท่านยังหายใจอยู่ เพื่อรอได้สัมผัสและลาฉันเป็นครั้งสุดท้าย ความทรงจำของฉันกลับไปที่โรงพยาบาลในหอชั้นผู้ป่วยหนักไอซียู ฉันเห็นท่อยาวๆหนา ๆ ยื่นออกมาจากศีรษะของคุณพ่อ ตรงหลอดเลือดดำและอิเล็กโทรดมีแผ่นปะติดปะตามร่างกายของคุณพ่อ และมีสายระโยงระยาง รวมทั้งถุงของเหลวที่ระบายออกจากสมอง
ฉันรู้สึกถึงสัมผัสแรกที่ทางโรงพยาบาลเปิดโอกาสให้เข้าไปจับมือคุณพ่อเพื่อลาจาก คุณพ่อไม่รู้สึกตัวแล้ว และไม่สามารถกลับมาอยู่กับเราอีกเลย มันคือการบอกลาครั้งสุดท้ายบนโลกนี้
"ฉันอยากกรี๊ดร้องออกมาดังๆ ฉันไม่อยากรับรู้ ฉันต้องการวิ่งออกจากห้องพิจารณาคดี..!! แต่ทุกคนก็เป็นห่วงและเป็นกำลังใจให้ฉัน และอีกใจหนึ่งฉันก็อยากฟังให้จบ ฉันได้รับการฝึกฝนโดยนักจิตวิทยาที่ดูแลจิตใจฉันหลังที่บอบช้ำเรื่องการสูญเสียคุณพ่อมาอย่างดีแล้ว แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ทรมานมากที่สุดในชีวิตของฉันที่ไม่สามารถช่วยชีวิตคุณพ่อวิชากลับมาได้อีก