..Justice For Vicha !!
กลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวตะโกนเรียกร้องความยุติธรรมให้นายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ที่ถูกทำร้ายเสียชีวิตเมื่อเดือนมกราคม พุทธศักราช 2564 บริเวณด้านหน้าที่ทำการศาล หรือ Hall of Justice ทีนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียเกือบตลอดเวลา ในช่วง 3 วัน ของการพิจารณาคดีในขั้นตอนการไต่สวนมูลฟ้อง หรือ Preliminary hearing เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-17 มิ.ย. พ.ศ.2565)
ก่อนที่ผู้พิพากษาศาลสูงซานฟรานฯ จะมีคำสั่งรับคำฟ้องและเดินหน้าดำเนินคดีกับ นายอองตวน วัตสัน ผู้ต้องหาวัย 20 ปี ในข้อหาฆาตกรรมนายวิชา และทำร้ายผู้สูงอายุ ตามสำนวนและพยานหลักฐานที่ฝ่ายอัยการได้นำเสนอ
..เป็นครั้งแรกที่ได้รับความยุติธรรมให้คุณตา (วิชา รัตนภักดี)มณฑนัศ รัตนภักดี
นางมณฑนัศ รัตนภักดี ทายาทของนายวิชา เป็นหนึ่งใรผู้ที่เดินทางเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี ซึ่งถือเป็นความคืบหน้าครั้งแรกในรอบ 500 วัน หลังจากนายวิชาเสียชีวิต
มณฑนัศ กล่าวกับวีโอเอ ไทย ว่า เพิ่งรู้สึกถึงการได้รับความยุติธรรมเป็นครั้งแรก เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องเพื่อเดินหน้าเอาผิดกับผู้ต้องหา
“นั่งฟังพยานทั้ง 8 คน ขึ้นบัลลังก์แล้วก็ ท่านผู้พิพากษาก็รับฟ้องเบื้องต้น เพราะพยานหลักฐานครบนะคะเป็นคดีฆาตกรรม เบื้องต้นก็มีความรู้สึกว่าได้รับความยุติธรรมนะคะ ก็เป็นครั้งแรกที่ได้รับความยุติธรรมให้คุณตา (วิชา รัตนภักดี) ค่ะ”
มณฑนัศ เล่าว่า ช่วงเวลาในระหว่างการพิจารณาคดี ที่เธอรู้สึกอึดอัด และเศร้าใจที่สุด คือ การได้ฟังพยานขึ้นให้ปากคำเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด และภาพเหตุการณ์ในช่วงที่พ่อเธอเสียชีวิตซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เขาก็ให้รายละเอียดหมด ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า เราก็เห็นภาพวงจรปิด นะคะว่า ผู้ต้องหาโดนจับก่อน ตอนเวลาตอนเช้า คือตอนตี 2 ก็คือคนร้ายขับรถชน 3 คันแล้วก็ขับเกินความเร็วนะคะ แล้วเจ้าหน้าที่จับ ก่อนที่ให้ใบสั่งแล้วก็ปล่อยมา แล้วก็เห็น(คนร้าย) มาจอดรถในที่เกิดเหตุ แล้วก็วิ่งลงมาทำร้ายคุณตาด้วยความแรงสูง แล้วยืนคร่อม ดูร่างตอนที่คุณตาหมดสติไปแล้วด้วยความเลือดเย็น (เสียงสั่น) แล้วก็วิ่งกลับไปหยิบโทรศัพท์แล้วก็กลับมามองหน้าคุณตาอีกประมาณ 3 ครั้งแล้วก็เดินจากไป..
..รู้สึกว่าหดหู่ ที่เขามองหน้าพ่อเราจมกองเลือด แล้วก็พ่อก็คงจะกลัวมาก ว่าผู้ร้ายยืนอยู่.. ก็สะเทือนใจ (ระหว่างพิจารณาคดี) นั่งไม่ติดนะแต่ว่าเราก็ต้องฟังเราอยากเห็น มันก็เห็นภาพที่เขาโชว์ในสไลด์มันสะเทือนใจและหดหู่ค่ะ..”
ทายาทของนายวิชา กล่าวว่า แม้ในเบื้องต้นศาลจะรับฟ้องและเดินหน้าเอาผิดกับผู้ต้องหาไปแล้ว แต่ยังต้องต่อสู้ในศาลภายใต้กระบวนการยุติธรรมต่ออีกหลายขั้นตอน
“..คือตอนนี้สั่งฟ้องแล้ว แต่ก็คือไปสู้กันในการสืบพยานในศาล และตอนนี้เขายังไม่ยอมรับผิดนะคะ ถ้าเขายอมรับผิด เราก็ไม่ทราบว่าจะสู้หรือเปล่า ถ้าเขายอมรับผิด ก็จะเรียกว่า plea bragain ถ้ายอมรับผิด ก็อาจจะลดโทษลงครึ่งหนึ่ง อันนี้เรายังไม่ทราบนะคะเดี๋ยวต้องให้ฝ่ายจำเลยเขาทำข้อตกลง ก็คือต้องให้ศาลพิจารณา ถ้าเขายังสู้ต่อไปก็จะต้องไปถึงก็ชั้นตอนของคณะลูกขุน 12 คน ที่จะมาตัดสินให้เรา แต่ว่าวันพฤหัสบดีหน้านี้ (23 มิ.ย.) เขาขอประกันตัวออกไปอยู่ข้างนอกค่ะ..”
การเตรียมยื่นขอประกันตัวต่อศาล นายอองตวน วัตสัน จำเลยในข้อหาฆาตกรรมนายวิชา ซึ่งที่ผ่านมาถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำมาตั้งแต่ถูกจับหลังก่อเหตุ ได้สร้างความกังวลให้กับ มณฑนัศ และสมาชิกในครอบครัวเป็นอย่างมาก ทำให้ในวันพฤหัสบดี ที่ 23 มิถุนายน นี้ ซึ่งเป็นวันที่ศาลจะมีคำสั่งพิจารณาคำร้องประกันตัว กลุ่มผู้สนับสนุนและครอบครัวได้นัดหมายเดินทางไปรวมตัวที่บริเวณด้านหน้าที่ทำการศาลซานฟรานซิสโกอีกครั้งเพื่อแสดงจุดยืนการคัดค้านการประกันตัว
.รู้สึกว่าหดหู่ ที่เขามองหน้าพ่อเราจมกองเลือด พ่อก็คงจะกลัวมาก ว่าผู้ร้ายยืนอยู่..มันสะเทือนใจและหดหู่ค่ะ.มณฑนัศ รัตนภักดี
มณฑนัศ ยอมรับว่า การยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมให้กับพ่อของเธอต้องใช้ความอดทน และความพยายามมากกว่าปกติ แม้หลายครั้งจะมีความรู้สึกท้อและเหนื่อย กับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เหนื่อยค่ะ ท้อ.. เครียดค่ะ ก็ไม่คิดว่าประเทศนี้นะจะเป็นอย่างนี้ต้องต้องต้องต้องสู้อะไรเงี้ยแต่เราก็ภูมิใจเรามีเรามีชุมชนชาวเอเชียใช่ไหมมีคนทุกชาติเลยขอบคุณนะคะขอบคุณทุกคนเลยคนไทยทุกคนนะคะแล้วก็ชุมชนชาวเอเชียทุกคนที่เรามีความภูมิใจมากเลยที่เขาส่งกำลังใจแล้วก็ออกมาช่วยนะคะให้กำลังใจแล้วก็เสียงทุกคนเนี่ยเข้ามาช่วยแล้วก็เลยทำให้ความยุติธรรมของคนตายเกิดขึ้นแล้วก็อยากจะบอกว่าอะไรเราเห็นอะไรที่มันไม่ถูกต้องนะคะก็ก็ช่วยกันนะคะให้ออกมารวมตัวกันแล้วก็มันก็จะได้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของพวกเราแล้วก็จะได้รับความยุติธรรมอะไรที่เราเห็นไม่ถูกต้องเนี่ยลุกขึ้นยืนค่ะมาช่วย..”
นายวิชา รัตนภักดี ชายเชื้อสายไทยวัย 84 ปี ถูกคนร้ายวิ่งเข้าไปผลักจนล้มศีรษะฟาดฟื้น ขณะเดินออกกำลังกาย บริเวณบ้านพักในนครซานฟรานซิสโก เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยมีภาพวงจรปิดจับภาพได้ขณะเกิดเหตุ ก่อนที่นายวิชาจะเสียชีวิตในอีก 2 วันต่อมา และได้ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวจากชุมชนไทย และชุมชนชาวเอเชียในอเมริกาที่เรียกร้องให้ยุติอาชญากรรมความเกลียดชังชาวเอเชีย ลุกลามไปทั่วสหรัฐฯ
