ลิ้งค์เชื่อมต่อ

‘ไบเดน’ พร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดกับผู้นำญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์


ภาพที่บันทึกจากคลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2567 และได้รับการเผยแพร่โดยหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เรือยามฝั่งของจีน (ซ้ายและขวา) ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงเข้าใส่เรือพลเรือนที่จ้างโดยกองทัพฟิลิปปินส์
ภาพที่บันทึกจากคลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2567 และได้รับการเผยแพร่โดยหน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เรือยามฝั่งของจีน (ซ้ายและขวา) ใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงเข้าใส่เรือพลเรือนที่จ้างโดยกองทัพฟิลิปปินส์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ในการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวในวันที่ 11 เมษายนนี้ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการประชุมสุดยอดไตรภาคีระหว่างผู้นำรัฐบาลกรุงวอชิงตันและผู้นำของ 2 พันธมิตรในเอเชียเพื่อหารือแนวคิดริเริ่มต่าง ๆ ที่รวมถึงแผนงานในพื้นที่ทะเลจีนใต้เพื่อต้านอิทธิพลจีน

ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือตรวจการณ์ยามฝั่งของจีนใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงเข้าใส่เรือฟิลิปปินส์ และทำการแล่นเรือที่เป็นอันตรายเฉียดกัน รวมทั้งมีการปะทะกันหลายครั้งด้วย

ด้วยเหตุนี้ กรณีความตึงเครียดรอบล่าสุดในทะเลจีนใต้ที่มีกรุงปักกิ่งและกรุงมะนิลาจึงเป็นหนึ่งในประเด็นหารือหลักที่ 3 ผู้นำจะถกกันในสัปดาห์นี้ระหว่างปธน.ไบเดนและนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่นและประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์

จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว
จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว

จอห์น เคอร์บี โฆษกด้านความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า “ผู้นำทั้ง 3 มีเรื่องต้องคุยกันมากมาย และจะต้องมีการหยิบยกสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ขึ้นมาแน่ ๆ นั่นเป็นประเด็นที่มีการนำมาหารือในการคุยโทรศัพท์ระหว่างท่านประธานาธิบดี(โจ ไบเดน)และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อไม่กี่วันก่อนด้วย”

ในการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวนี้ คาดว่า จะมีการเปิดตัวแนวความคิดริเริ่มชุดใหม่ที่น่าจะมีเรื่องของความร่วมมือทางทะเลในระดับไตรภาคีในทะเลจีนใต้ด้วย

โฮเซ่ มานูเอล โรมูอัลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ ก
โฮเซ่ มานูเอล โรมูอัลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ ก

โฮเซ่ มานูเอล โรมูอัลเดซ เอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ กล่าวว่า การออกลาดตระเวนร่วมคือสิ่งที่รัฐบาลกรุงมะนิลาได้หารือเชิงลึกกับญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และตนคิดว่า ความร่วมมือนี้น่าจะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว

อย่างไรก็ดี รัฐบาลกรุงวอชิงตันยังไม่ได้ยืนยันว่า จะมีการริเริ่มการออกลาดตระเวนร่วมทางทะเลภายใต้ความร่วมมือของพันธมิตร 3 ประเทศนี้จริง

แต่สิ่งที่ชัดเจนในเวลานี้คือ การดำเนินแผนงานความเป็นหุ้นส่วนทางการทหารอย่างแข็งขันระหว่างสหรัฐฯ กับสองประเทศพันธมิตรในเอเชียนี้เพื่อรับมือกับท่าทีรุกรานของกรุงปักกิ่งในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปธน.ไบเดน เดินหน้าผลักดันอย่างต่อเนื่อง

การประชุมสุดยอดที่กรุงวอชิงตันครั้งนี้เป็นองค์ประกอบหลักของยุทธศาสตร์ “พหุภาคีกลุ่มเล็ก” (mini-lateral) ของไบเดนเพื่อขยายฐานกลุ่มพันธมิตรของสหรัฐฯ ในเอเชีย ซึ่งคล้าย ๆ กับการประชุมสุดยอดร่วมกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในปีที่แล้วที่มุ่งหารือวิธีจัดการกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

ชิโฮโกะ โกโตะ ผู้อำนวยการโครงการอินโด-แปซิฟิกแห่ง Wilson
ชิโฮโกะ โกโตะ ผู้อำนวยการโครงการอินโด-แปซิฟิกแห่ง Wilson

ชิโฮโกะ โกโตะ ผู้อำนวยการโครงการอินโด-แปซิฟิกแห่ง Wilson Center ให้สัมภาษณ์กับ วีโอเอ ผ่านระบบ Skype และกล่าวว่า มีความคาดหวังสูงอย่างมากจากญี่ปุ่นที่เป็นจุดกำเนิดของเสถียรภาพและเป็นจุดศูนย์กลางของความสัมพันธ์ทั้งหลายเหล่านี้มายาวนาน ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มจตุภาคี (Quad) และหนึ่งในสองของแผนพันธมิตรสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ ทะเลจีนใต้คือ เส้นทางการเดินเรือที่มีความสำคัญมากสำหรับห่วงโซ่อุปทานโลกของญี่ปุ่น ดังนั้น การรักษาสันติภาพในพื้นที่ท้องน้ำนี้จึงเป็นประเด็นหลักที่รัฐบาลกรุงโตเกียวพยายามคงไว้ให้ได้

และเมื่อฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในพันธมิตรสนธิสัญญาทางทหารของสหรัฐฯ เหตุปะทะกันระหว่างเรือยามฝั่งของกรุงมะนิลาและกรุงปักกิ่งที่รอบ ๆ หมู่เกาะสแปรตลีย์ (Spratly Islands) จึงเป็นปัญหาสำหรับกรุงวอชิงตันเช่นกัน

เกรกอรี โพลลิง ผู้อำนวยการของศูนย์ Center for Strategic and International Studies
เกรกอรี โพลลิง ผู้อำนวยการของศูนย์ Center for Strategic and International Studies

เกรกอรี โพลลิง ผู้อำนวยการของศูนย์ Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS บอกกับ วีโอเอ ระหว่างการให้สัมภาษณ์ผ่านระบบ Skype ว่า ขณะที่ สหรัฐฯ ให้ความสนใจต่อประเด็นไต้หวันอยู่ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ส่อแววที่จะปะทุขึ้นมาได้เช่นกัน โดยแม้ความเสี่ยงที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะยกระดับขึ้นไปเป็นสงครามนั้นจะไม่ได้สูงมาก ก็ยังมีความน่าจะเป็นที่จะเกิดภาวะความขัดแย้งทางทหารในระดับต่ำ ๆ อยู่ดี

รายงานข่าวระบุว่า การประชุมสุดยอดไตรภาคีที่จะเกิดขึ้นนี้ถูกจัดขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่จะดึงญี่ปุ่นให้มามีบทบาททางการทหารในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยในเวลานี้ โตเกียวและมะนิลาก็กำลังอยู่ในระหว่างการหารือข้อตกลงที่มีชื่อว่า Reciprocal Access Agreement ที่จะนำไปสู่การยกระดับปฏิบัติการและการฝึกรบทางทหารร่วมกันต่อไปอยู่

นอกเหนือจากการประชุมร่วมกันของ 3 ผู้นำแล้ว ปธน.ไบเดน มีกำหนดหารือนอกรอบกับนายกฯ คิชิดะ และปธน.มาร์กอส จูเนียร์ อีกด้วย

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

เกี่ยวข้อง

XS
SM
MD
LG