กองทัพอิสราเอลสั่งให้มีการอพยพเพิ่มเติมสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ทางใต้ของกาซ่า หลังการโจมตีทางอากาศเข้าใส่ค่ายอพยพสำหรับผู้พลัดถิ่นส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตหลายสิบคน อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น
การสั่งอพยพในช่วงเช้าวันอาทิตย์นี้เป็นการขยายแผนงานก่อนหน้านี้ที่อิสราเอลประกาศให้ผู้คนในบริเวณดังกล่าวอพยพออกไปก่อนจะพุ่งเป้าโจมตีศูนย์บัญชาการแห่งหนึ่งของกลุ่มฮามาส
เมื่อวันเสาร์ อิสราเอลโจมตีเข้าใส่มัสยิดที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในกาซ่าซิตี้ซึ่งมีผู้คนหลายพันคนหลบภัยอยู่ โดยกระทรวงสาธารณสุขกาซ่าระบุว่า มีผู้เสียชีวิตราว 80 คนและได้รับบาดเจ็บประมาณ 50 คนในครั้งนี้ ขณะที่ อิสราเอลออกมาโต้รายงานตัวเลขดังกล่าวและระบุว่า กองทัพสังหารนักรบกลุ่มฮามาสและอิสลามิก จิฮัด ได้ 19 คน
สำนักงานสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติเปิดเผยว่า อิสราเอลทำการ “โจมตีอย่างเป็นระบบเข้าใส่โรงเรียน” ซึ่งถูกเปลี่ยนให้เป็นค่ายหลบภัยตั้งแต่สงครามครั้งนี้เริ่มขึ้นและถูกโจมตีเข้าใส่อย่างน้อย 21 ครั้งตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนแล้ว
ผู้นำยุโรปได้ออกมาประณามปฏิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล ขณะที่ สหรัฐฯ แสดงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขพลเรือนที่เสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นับตั้งแต่สงครามครั้งนี้ปะทุขึ้น หลังกองทัพเทลอาวีฟส่งกองทัพโต้กลับกลุ่มฮามาสที่โจมตีเข้าใส่ภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมของปีที่แล้วและทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คนและมีคนถูกจับเป็นตัวประกันกว่า 250 คน ประชากรส่วนใหญ่ของปาเลสไตน์ที่มีอยู่ราว 2.3 ล้านคนต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นและหลายคนก็ต้องอพยพหนีตายมาหลายครั้งแล้ว
กระทรวงสาธารณสุขกาซ่าที่บริหารงานโดยฮามาสระบุว่า ที่ผ่านมา สงครามครั้งนี้ได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วเกือบ 40,000 คนโดยไม่ได้แยกว่าเป็นนักรบฮามาสกี่คนและเป็นพลเรือนกี่คน
คำสั่งอพยพล่าสุดนี้มีผลในพื้นที่ของเมืองคานยูนิส ซึ่งรวมถึงจุดที่อิสราเอลประกาศให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยเพื่อมนุษยธรรม แต่อิสราเอลอ้างว่า เป็นจุดที่มีการยิงจรวดเข้าใส่ตน
อิสราเอลยังกล่าวหากลุ่มฮามาสและนักรบกลุ่มติดอาวุธอื่น ๆ ว่า หลบซ่อนตัวในหมู่พลเรือนและทำการโจมตีจากพื้นที่ที่อยู่อาศัยของพลเรือนด้วย
รายงานข่าวระบุว่า ชาวปาเลสไตน์หลายร้อยครัวเรือนหิ้วข้าวของส่วนตัวและเดินออกจากบ้านและที่หลบภัยต่าง ๆ ตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ เพื่อไปหาบริเวณที่ปลอดภัยกว่า
อามาล อาบู ยาเฮีย ซึ่งสูญเสียสามีไปในการโจมตีของอิสราเอลเมื่อเดือนมีนาคมและเป็นคุณแม่ลูกสามที่เพิ่งกลับมาที่คานยูนิสเมื่อเดือนมิถุนายน มาอยู่ในบ้านที่ถูกทำลายเสียหาย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า พวกเธอไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว และการอพยพครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่ 4 สำหรับเธอและครอบครัว
ส่วนรามาดาน อิสซา คุณพ่อวัย 50 ปีที่มีลูก 5 คน เป็นอีกคนที่เดินทางออกจากคานยูนิสพร้อมกับญาติคนอื่น ๆ ในครอบครัวที่รวมกันแล้วทั้งหมด 17 คน โดยมีแผนมุ่งหน้าไปยังภาคกลางของกาซ่า โดยกล่าวว่า ทุกครั้งที่พวกตนลงหลักปักฐานที่ใดที่หนึ่ง อิสราเอลก็จะตามมายึดครองและทิ้งระเบิดใส่ทุกครั้ง และว่า “สถานการณ์นี้สุดจะทนไหวแล้ว”
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สหรัฐฯ อียิปต์และกาตาร์ พยายามทำหน้าที่ตัวกลางช่วยเจรจาให้เกิดการหยุดยิงและการปล่อยตัวประกันที่ยังอยู่ในมือฮามาสราว 110 คนให้เป็นอิสระ แม้อิสราเอลจะเชื่อว่า ราว 1 ใน 3 ของตัวประกันกลุ่มนี้จะเสียชีวิตแล้วก็ตาม
สงครามอิสราเอล-ฮามาสยังส่งสัญญาณพร้อมยกระดับกลายเป็นสงครามของภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลทำการต่อสู้กับอิหร่านและกลุ่มนักรบติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรควบคู่มาตลอด
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น