นายกรัฐมนตรีมาร์ค รุทเทอร์ แห่งเนเธอร์แลนด์ แจ้งต่อประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันอาทิตย์ว่า เนเธอร์แลนด์และเดนมาร์กจะนำส่งเครื่องบินรบ เอฟ-16 จำนวนหนึ่งให้กับรัฐบาลกรุงเคียฟเพื่อใช้ในการรับมือกับการรุกรานของรัสเซีย
การให้คำมั่นของผู้นำรัฐบาลกรุงอัมสเตอร์ดัมนี้เกิดขึ้นระหว่างการพบกันของสองผู้นำที่ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ โดยนายกรัฐมนตรีรุทเทอร์กล่าวด้วยว่า เครื่องรบที่สัญญาว่าจะมอบให้นั้นจะถูกนำส่งทันทีที่ทำตามเงื่อนไขที่ไม่ได้มีการเปิดเผยกับสื่อมวลชนรับทราบ
คำสัญญาส่งมอบเครื่องบินรบจากเนเธอร์แลนด์และเดนมาร์กครั้งนี้มีขึ้นหลังทั้งสองประเทศเปิดเผยว่า สหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ทั้งคู่นำส่งเครื่องบิน เอฟ-16 ที่สหรัฐฯ ผลิตให้กับยูเครนได้แล้ว
การที่สหรัฐฯ ให้ไฟเขียวดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนครั้งสำคัญอีกครั้งให้กับกรุงเคียฟ แม้ว่า เครื่องบินรบรุ่นนี้จะยังไม่ได้มีบทบาทใด ๆ ต่อสงครามที่ดำเนินมาเกือบ 18 เดือนแล้วก็ตาม
ที่ผ่านมา ยูเครนพยายามร้องขอบรรดาประเทศพันธมิตรให้ส่งมอบเครื่องบินรบที่มีความสามารถสูงให้แก่ตนเพื่อใช้รับมือการโจมตีของกองทัพรัสเซีย ก่อนจะเดินหน้าทำการโจมตีโต้กลับโดยไม่มีความสามารถทางการรบทางอากาศหนุนหลังเลย
ทั้งนี้ กรุงวอชิงตันระบุว่า เครื่องบินเอฟ-16 ที่มีศักยภาพทางการรบสูงเหมือนกับรถถังเอแบรมส์ของตน จะเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญในระยะยาวสำหรับกรุงเคียฟในการสู้รบกับฝ่ายรัสเซีย
และในคลิปวิดีโอที่ได้รับการเปิดเผยออกมาในช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ปธน.เซเลนสกีประกาศคำมั่นที่จะทำการตอบโต้อย่างหนักต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียเข้าใส่ใจกลางเมืองเชอร์นิฮิฟเมื่อวันก่อนซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน
รัสเซียอ้าง ยูเครนส่งโดรนโจมตีตน
ขณะเดียวกัน รัสเซียเปิดเผยว่า ยูเครนส่งโดรนเข้าโจมตีพื้นที่ 4 แคว้นของตนในวันอาทิตย์ โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คนและทำให้ต้องมีการสั่งสนามบิน 2 แห่งในกรุงมอสโกแจ้งให้เที่ยวบินต่าง ๆ บินไปลงจอดที่สนามบินอื่นแทน
รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่ 4 แคว้นที่รัสเซียอ้างว่าถูกโจมตี ได้แก่ เคิร์สก (Kursk) รอสตอฟ (Rostov) และเบลโกรอด (Belgorod) ซึ่งตั้งอยู่ติดพรมแดนยูเครน รวมทั้งแคว้นมอสโกด้วย
โดยปกติ ยูเครนจะไม่ออกมาแสดงความเห็นว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีอาณาเขตรัสเซีย แต่เจ้าหน้าที่ของยูเครนก็มักออกมาแสดงความพึงพอใจที่ได้รับทราบข่าวดังกล่าวอยู่เสมอ
- ที่มา: เอเอฟพีและรอยเตอร์