อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศในวันจันทร์เกี่ยวกับการตัดสินใจเลือก เจ.ดี. แวนซ์ วุฒิสมาชิกจากรัฐโอไฮโอ ร่วมลงชิงชัยตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งใหญ่ปีนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ทรัปม์ ตัดสินใจเลือก แวนซ์ แม้ว่าครั้งหนึ่ง สว.หนุ่มผู้นี้จะเคยเป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างหนักก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตรที่จงรักภักดี ท่ามกลางความกังวลของชาวอเมริกันต่อกรณีความสูงอายุของผู้นำทางการเมืองสหรัฐฯ ในเวลานี้
อดีตประธานาธิบดีที่เพิ่งรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารเมื่อเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา ระบุในโพสต์ทางแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน “ทรูธ โซเชียล” ของตนว่า “หลังการหารือและคิดทบทวนกันมายาวนาน ทั้งยังพิจารณาผู้มีความสามารถมากมายคนอื่น ๆ แล้ว ผมตัดสินใจว่า ผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาคือ สว. เจ.ดี. แวนซ์ จากรัฐโอไฮโออันยิ่งใหญ่”
แวนซ์ ในวัย 39 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในระดับประเทศจากการตีพิมพ์บันทึกความทรงจำ “Hillbilly Elegy” เมื่อปี 2016 ก่อนจะได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกในปี 2022 และกลายมาเป็นผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่นที่สุดของของวาระ “ทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” (Make America Great Again) ของทรัมป์ โดยเฉพาะในประเด็นการค้า นโยบายต่างประเทศและผู้อพยพ
อย่างไรก็ดี แวนซ์แทบไม่มีประสบการณ์การเมืองในระดับประเทศเลยและเข้าร่วมกับทรัมป์ในช่วงเวลาที่ถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่น้อย โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ระหว่างการหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ ซึ่งทำให้คนทั้งประเทศหันมามองภาพการเมืองของประเทศกันมากขึ้น ในช่วงที่ใกล้เข้าสู่เวลาที่ต้องตัดสินใจว่า ใครจะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งปลายปีนี้
ตัวสว.หนุ่มผู้นี้เพิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ของตนที่ชี้ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้ โดยระบุว่า “แก่นกลางของแผนการหาเสียงของไบเดนคือว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ยึดถือลัทธิฟาสซิสท์ ที่ต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งให้ได้” และว่า “วาทกรรมเช่นนั้นเกี่ยวโยงโดยตรงและนำไปสู่ความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดีทรัมป์”
เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมูลเหตุจูงใจของการลอบยิงทรัมป์
สิ่งที่ชัดเจนของการเลือกแวนซ์เข้าร่วมชิงตำแหน่งผู้นำรัฐบาลของทรัมป์ครั้งนี้ก็คือ การปลุกกระตุ้นฐานเสียงผู้สนับสนุนตน หลังสว.หนุ่มจากยุคมิลเลนเนียลกลายมาเป็นที่ชื่นชมของกลุ่มสื่ออนุรักษ์นิยมและเป็นผู้ที่ออกมาปะทะกับผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นประจำ ซึ่งล้วนให้ตนดูคล้ายเป็นผู้นำที่จะช่วยสืบทอดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของทรัมป์ต่อไปในอนาคต ที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2028
แต่สิ่งหนึ่งที่เอพีระบุคือ การเลือกแวนซ์มาเป็นคู่ชิงชัยของทรัมป์ หมายถึง การที่ชายผิวขาวสองคนพยายามนำพาพรรครีพับลิกันเข้าถึงผู้มีสิทธิ์ใช้เสียงชาวอเมริกัน ขณะที่ อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ยังคงพยายามเข้าหาผู้มีสิทธิ์ผิวดำและเชื้อสายละตินอยู่
- ที่มา: เอพี