'ทรัมป์' ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงโลกร้อนกรุงปารีส ท่ามกลางความผิดหวังของบรรดาผู้นำโลก

ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า จะพยายามเจรจาข้อตกลงที่เป็นประโยชน์ต่ออเมริกามากกว่า

Your browser doesn’t support HTML5

'ทรัมป์' ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงโลกร้อนกรุงปารีส

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงกรุงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก โดยจะมีผลทันที พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาเพื่อจัดทำข้อตกลงที่ดีกว่าเดิมในมุมมองของผู้นำสหรัฐฯ

ปธน.ทรัมป์ กล่าวบริเวณสวนด้านหน้าของทำเนียบขาว ท่ามกลางเสียงปรบมือของบรรดาแขกเหรื่อที่ได้รับเชิญมาจำนวนหนึ่ง

“สหรัฐฯ จะออกจากข้อตกลงกรุงปารีส” และว่า “ข้อตกลงนี้เป็นตัวอย่างของข้อตกลงที่หวนกลับมาทำลายสหรัฐฯ เอง ดังนั้นสหรัฐฯ จะยุติการเข้าร่วมในข้อตกลงที่ไม่มีภาระผูกพันนี้”

Trump Climate

อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า เป็นผู้ลงนามในข้อตกลงกรุงปารีส ซึ่งถือเป็นข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมฉบับแรกในประวัติศาสตร์ ที่มี 195 ประเทศร่วมลงนามเพื่อเป้าหมายในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนในชั้นบรรยากาศโลก และจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากระดับเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม

ก่อนหน้านี้มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วมในข้อตกลงนี้ คือ ซีเรีย และนิคารากัว

แม้โดยหลักการแล้ว ข้อตกลงกรุงปารีสจะมีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่การบังคับใช้นั้นยังไม่เข้มงวดมากนัก ตัวอย่างเช่น ไม่มีการบังคับให้ต้องลดปริมาณก๊าซคาร์บอนตามเป้าหมายที่ระบุไว้ นั่นหมายความว่า แม้สหรัฐฯ ได้รับปากไว้ว่าจะลดปริมาณก๊าซคาร์บอนลงให้ได้ 26% – 28% ภายในปี ค.ศ. 2025 แต่หากทำไม่ได้ตามที่ระบุก็จะไม่มีผลสะท้อนใดๆ กลับมา

ขณะเดียวกัน บรรดาผู้นำหลายประเทศในยุโรปต่างแสดงความผิดหวังและโกรธเคือง หลังจากทราบข่าวสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีส โดยต่างเตือนว่าจะทำให้เป็นเรื่องยากที่จะชะลอการเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศมากเป็นอันดับสองของโลก

Oxfam activists wearing masks of the leaders of the G-7 summit (from left) Italian Premier Paolo Gentiloni, US President Donald Trump, German Chancellor Angela Merkel, Japanese Prime Minister Shinzo Abe, French President Emmanuel Macron and Canadian Prime

เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายประเทศในยุโรปบอกว่า การที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีส จะยิ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป มากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทของสหรัฐฯ บนเวทีโลก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจและการค้า เพราะตอนนี้ถือว่านโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สอดคล้องกับประเทศส่วนใหญ่

ประธานสภายุโรป Antonio Tajani กล่าวว่า “เรื่องนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ บนเวทีโลก ซึ่งในที่สุดจะย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ และโลกนี้”

ส่วนคุณ Guy Verhofstadt ผู้นำกลุ่มนักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมในสภายุโรป ทวีตข้อความสั้นๆ ว่า “Make America small again” พร้อมรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้รัฐฮาวายจมลงใต้ทะเล

ด้านองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม Greenpeace ระบุว่า “ปธน. ทรัมป์ ได้เปลี่ยนสหรัฐฯ จากผู้นำด้านการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ไปเป็นผู้ไร้ค่า”

ส่วนทางนายกฯ จีน หลี่ เค่อเฉียง กล่าวว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นการทำลายความเชื่อมั่นระหว่างประเทศมหาอำนาจต่างๆ ในการเจรจาข้อตกลงใดๆ ก็ตามต่อจากนี้ และว่า “จีนจะยังคงยึดมั่นต่อหลักการที่ระบุไว้ในข้อตกลงกรุงปารีสอย่างหนักแน่นต่อไป”

(ผู้สื่อข่าว Peter Heinlein รายงานจากทำเนียบขาว / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)