สื่อมวลชนสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันพุธว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ใกล้จะตัดสินใจว่าจะถอนสหรัฐฯ จากการเข้าร่วมข้อตกลงกรุงปารีสหรือไม่
รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดประธานาธิบดีโอบามาร่วมเจรจาข้อตกลงกรุงปารีสเมื่อสองปีที่แล้ว และมี 195 ประเทศร่วมลงนามเพื่อมุ่งชะลอและแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนรวมทั้งความผันผวนของสภาพภูมิอากาศโลก
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้กล่าวระหว่างการต้อนรับนายกรัฐมนตรีของเวียดนามที่ทำเนียบขาว เมื่อวันพุธว่า "เราจะได้ทราบเรื่องนี้ในไม่ช้า และว่าตนได้ฟังความเห็นจากคนจำนวนมากเพื่อการตัดสินใจ"
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เปิดเผยกับสำนักข่าวเอพีว่า จะมีข้อพิจารณาในคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งจะสร้างความเป็นไปได้ว่าการตัดสินใจที่จะมีขึ้นนี้ยังไม่ใช่ข้อสรุปท้ายสุด
ข่าวเรื่องโอกาสที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะประกาศถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงกรุงปารีส ทำให้เกิดปฏิกิริยาในทางลบจากกลุ่มด้านสิ่งแวดล้อมรวมทั้งผู้บริหารระดับท้องถิ่นและผู้นำทางธุรกิจบางคนด้วย
โดยนาย Michael Brune ผู้อำนวยการของ Sierra Club เตือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์กำลังจะสร้างความผิดพลาดครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์จากการถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีส
"คนรุ่นลูกหลานจะตั้งคำถามว่า เหตุใดผู้นำประเทศจึงตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ โดยหย่าขาดจากความเป็นจริงและศีลธรรมเช่นนี้"
ส่วนนายกเทศมนตรีของนครนิวยอร์กและนครลอสแองเจลิสก็ประกาศจะนำข้อตกลงที่สหรัฐฯ ได้ร่วมลงนามเมื่อสองปีที่แล้วนี้มาใช้ในเมืองของตน
ด้านนาย Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัท Space X และผู้บริหารบริษัทผลิตรถยนต์ Tesla ก็กล่าวว่า "ตนจะลาออกจากคณะกรรมการที่ปรึกษาของทำเนียบขาวสามชุด หากสหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงกรุงปารีสนี้จริง"
อย่างไรก็ตาม วุฒิสมาชิกของพรรครีพับริกัน 22 คนได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าวอย่างสมบูรณ์
Freedom Works ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งทำงานเพื่อให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีขนาดเล็กลงและมีบทบาทอำนาจน้อยลง ก็สนับสนุนเรื่องการถอนตัว
โดยให้ตัวเลขว่า การร่วมอยู่ในข้อตกลงกรุงปารีสจะสร้างผลเสียทางเศรษฐกิจกว่าสองล้านล้านดอลลาร์และจะทำให้คนอเมริกันอีกเกือบสี่แสนคนต้องตกงานด้วย