ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวต่อผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เกี่ยวกับงบประมาณด้านการทหาร ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ มองว่าน้อยเกินไป และยังบอกว่าองค์การ NATO ควรมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายมากกว่านี้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวต่อบรรดาผู้นำองค์การนาโต้ที่กรุงบรัสเซลล์ว่า “ภารกิจขององค์การนาโต้ในอนาคต ควรมุ่งเน้นไปที่การปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย แก้ปัญหาผู้ลี้ภัย รวมทั้งรับมือภัยคุกคามจากรัสเซียและบริเวณพรมแดนทางเหนือและใต้ของนาโต้ เช่นเดียวกับการแบ่งปันความรับผิดชอบด้านการเงินขององค์การนาโต้ในสัดส่วนที่ยุติธรรมสำหรับทุกประเทศ”
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า เวลานี้ประเทศสมาชิกนาโต้ 23 ประเทศจากทั้งหมด 28 ประเทศ มิได้จ่ายส่วนแบ่งในสัดส่วนที่ควรจะเป็น ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับประเทศอื่น รวมทั้งสหรัฐฯ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันจันทร์ว่า “แสดงให้เห็นถึงความชั่วร้ายที่นาโต้กำลังเผชิญ ในการต่อต้านการก่อการร้าย”
ในการประชุมครั้งนี้ เลขาธิการองค์การนาโต้ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า “สมาชิกองค์การนาโต้จะต้องสามารถเพิ่มงบประมาณด้านการทหารได้ทันที ในกรณีที่เกิดความตึงเครียด เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้”
ทางด้านโฆษกของนายก รมต.อังกฤษ เธเรซ่า เมย์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ระหว่างการถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน นายก รมต.อังกฤษ ได้กล่าวกับ ปธน.ทรัมป์ ว่าเธอเป็นกังวลต่อการที่สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการสืบสวนเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองแมนเชสเตอร์ให้สื่อมวลชนทราบ หลังจากสื่อหลายสำนักในสหรัฐฯ เปิดเผยชื่อมือระเบิดฆ่าตัวตายออกมาก่อนทางอังกฤษ โดยอ้างว่ามาจากเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่ระบุชื่อ
รวมทั้งมีการเผยแพร่ภาพถ่ายด้านนิติเวช ซึ่งเป็นภาพที่ตำรวจอังกฤษไม่ได้เปิดเผยออกมาอีกด้วย
นายกฯ เมย์ ระบุว่า “ความเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ และอังกฤษ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อใจ ซึ่งรวมถึงการที่สามารถแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองระหว่างกันอย่างมั่นใจ”
มีรายงานว่าตำรวจอังกฤษที่สืบสวนเหตุการณ์ระเบิดที่แมนเชสเตอร์ ไม่พอใจที่สื่อมวลชนในสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการสืบสวนเช่นกัน และได้หยุดให้ข้อมูลลับกับหน่วยงานด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ แล้ว จนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีข้อมูลเรื่องนี้รั่วไหลออกมาจากทางกรุงวอชิงตันอีก
ทางทำเนียบขาวมีคำแถลงในเวลาต่อมาว่า “ข้อกล่าวหาที่ว่ามีรายงานรั่วไหลออกมาจากหน่วยงานของสหรัฐฯ นั้นสร้างความกังวลใจอย่างยิ่ง และประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และหากพบตัวผู้กระทำผิดก็จะมีการลงโทษตามกฎหมาย”
ก่อนการประชุมร่วมกับผู้นำองค์การนาโต้ในวันพฤหัสบดี ปธน.ทรัมป์ ได้พบหารือกับนายกฯ เบลเยียม ชาร์ลส์ มิเชล ในวันพุธ และกล่าวว่า “สหรัฐฯ และนาโต้จะทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งของโลก”
และก่อนหน้านั้น ผู้นำสหรัฐฯ ได้เข้าพบพระสันตะปาปาฟรานซิสที่กรุงวาติกัน ซึ่งผู้นำทั้งสองได้หารือกันในหลายประเด็น รวมทั้งการผนึกกำลังทางศาสนาเพื่อเอาชนะภัยคุกคามต่างๆ
ในวันศุกร์ ประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินทางกลับไปยังอิตาลีอีกครั้ง เพื่อร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G-7 ที่เมืองซิสิลี่ ก่อนที่จะเดินทางกลับสหรัฐฯ ถือเป็นการสิ้นสุดกำหนดการเยือนตะวันออกกลางและยุโรปเป็นเวลา 9 วัน และเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค.
(ผู้สื่อข่าว Steve Herman รายงานจากกรุงบรัสเซลล์ / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)