ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางกลับถึงสหรัฐฯ หลังการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรก และมีคำถามที่ตามมาว่าความผิดพลาดบางอย่างหรือการใช้คำพูดที่ไม่ตรงกับบทในคำปราศรัยนั้น เป็นผลมาจากความเหนื่อยล้าหลังการเดินทางระยะไกล? จากอายุที่มากถึง 70 ปีแล้ว?
หรือจากความเคยชินที่มักพูดตามใจตัวเอง?
ตัวอย่างคือระหว่างการกล่าวปราศรัยในตะวันออกกลาง ซึ่งถึงแม้บทในคำปราศรัยจะระบุให้ใช้คำว่า “Islamist Extremism” หรือผู้นับถือศาสนาอิสลามที่มีแนวคิดสุดโต่ง เพื่อแยกแยะระหว่างชาวมุสลิมโดยรวม กับผู้ที่พยายามนำศาสนามาปะปนกับแนวคิดทางการเมืองด้วยวัตถุประสงค์เพื่อความรุนแรงก็ตาม
แต่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังคงใช้ถ้อยคำอื่นแทนคำที่ได้กำหนดไว้ในบทปราศรัย ถึงแม้จะเคยโจมตีอดีตประธานาธิบดีโอบามาและนางฮิลลารี คลินตัน ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งว่า ไม่ใช้คำเรียกกลุ่มก่อการร้ายอย่างเฉพาะเจาะจงพอก็ตาม
นาย Barry Strauch ผู้ศึกษาเรื่องปัญหาความเหนื่อยล้าจากการเดินทางระยะไกลหรือ Jet Lag ชี้ว่า
"ถึงแม้ความอ่อนเพลียอาจจะเป็นเหตุผลของเรื่องนี้ได้ แต่กรณีดังกล่าวก็ไม่น่าเกิดขึ้นกับประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะผู้นำสหรัฐฯ นั้นเดินทางโดยเครื่องบิน Air Force One ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีที่นอนสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ"
และผู้สังเกตการณ์บางคนก็ชี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยมีประวัติการพูดผิด หรือการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาแล้วหลายครั้ง เช่น การกล่าวว่าสหรัฐฯ ได้ยิงจรวดขีปนาวุธ 59 ลูกถล่มอิรัก ทั้งที่โดยแท้จริงแล้วเป็นการโจมตีซีเรีย
หรือการกล่าวว่าเกาหลีเหนือถูกปกครองโดยผู้นำคนเดียวกันมานานกว่า 20 ปี แต่ในความจริงแล้วเกาหลีเหนืออยู่ใต้การปกครองของผู้นำตระกูลเดียวกัน
และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบันก็เพิ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เป็นต้น