สำนักงบประมาณของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยร่างงบประมาณประจำปี ค.ศ. 2018
ซึ่งมีการเพิ่มงบประมาณในส่วนของการทหาร การป้องกันตามแนวชายแดนและกองทุนทหารผ่านศึก แต่ลดงบประมาณในส่วนของโครงการสวัสดิการเพื่อคนยากจน และการต่างประเทศ
ผอ.สำนักงบประมาณสหรัฐฯ Mick Mulvaney กล่าวว่า "ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดทำงบประมาณโดยมองในมุมของผู้จ่ายภาษี มากกว่าผู้ที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ซึ่งเป็นไปตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์รับปากไว้ตอนหาเสียง"
โดยเชื่อว่างบประมาณจะสมดุลภายใน 10 ปี และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกันได้ราว 3%
แต่นาย Larry Summers อดีตรัฐมนตรีการคลังของสหรัฐฯ กล่าวกับ Washington Post ว่า “การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าวเป็นการมองโลกในแง่ดีจนน่าขบขัน และจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อคนอเมริกันฐานะยากจน”
ส่วนที่ถูกลดงบประมาณมากที่สุดคือโครงการที่ช่วยเหลือด้านการแพทย์และอาหารแก่คนยากจนราว 40 ล้านคนในสหรัฐฯ แต่ไม่ตัดงบประมาณในส่วนของโครงการสวัสดิการเงินบำนาญสังคม (Social Security) และการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ (Medicare) แต่อย่างใด
สำหรับงบประมาณด้านการต่างประเทศนั้นถูกตัดลดลงเหลือ 37,600 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีที่แล้วราว 1 ใน 3 โดยส่วนที่ถูกลดงบประมาณนั้น รวมถึงโครงการสนับสนุนความพยายามปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลามและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ การเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ส ตลอดจนการต่อสู้กับขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ
โครงการที่ถูกตัดยังรวมถึง โครงการ Asia Foundation และ East West Center ตลอดจนโครงการด้านสิ่งแวดล้อม โครงการต่อสู้ภาวะโลกร้อน และโครงการให้ทุกการศึกษาของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ หลายโครงการ ยกเว้นทุน Fulbright และโครงการ International Visitor Leadership Programs ที่ไม่ถูกตัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านงบประมาณและการทูตกังวลว่า การตัดงบประมาณครั้งนี้จะกระทบถึงการทำงานด้านการทูตและกระบอกเสียงของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ
ร่างงบประมาณฉบับนี้อาจมีการดัดแปลงแก้ไขอีกหลายครั้งกว่าที่ผ่านการรับรองจากรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งสมาชิกพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันบางส่วนยังมีความเห็นแตกต่างกันในหลายส่วนของร่างงบประมาณนี้