รัสเซียถล่มโอเดสซา-ตอบโต้การโจมตีสะพานไครเมีย

  • VOA

Aftermath of a Russian missile and drone attaks in Odesa

รัสเซียยิงถล่มเขตปกครองโอเดสซาและมีโคลาอิฟของยูเครนที่ตั้งอยู่ติดชายฝั่งทะเลดำ เพื่อตอบโต้การโจมตีสะพานเชื่อมไครเมียที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์

กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในแถลงการณ์ว่า กองทัพมอสโกตั้งเป้าโจมตีเข้าใส่เป้าหมายที่เป็น “พฤติการณ์ก่อการร้าย” ที่ดำเนินการโดยใช้โดรนใต้น้ำ ซึ่งพื้นที่ที่ถูกถล่มนั้นรวมถึง อู่ต่อเรือแห่งหนึ่งใกล้โอเดสซาและคลังน้ำมันจำนวนหนึ่งของยูเครน

รัสเซียกล่าวว่า เหตุการณ์โจมตีสะพานหลักที่เชื่อมต่อรัสเซียกับคาบสมุทรไครเมียเมื่อวันจันทร์ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 2 คนและเด็ก 1 คนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ พื้นถนนสะพานได้รับความเสียหายและทำให้การจราจรต้องหยุดชะงักลง

ทั้งนี้ สะพานดังกล่าวคือเส้นทางขนส่งเสบียงคลังเส้นหลักของทหารเพื่อสนับสนุนกองกำลังรัสเซียในการเดินหน้ารุกรานยูเครน

Your browser doesn’t support HTML5

รัสเซียถล่มโอเดสซา-ตอบโต้การโจมตีสะพานไครเมีย

สำหรับสถานการณ์ในวันอังคารนั้น กองทัพยูเครนเปิดเผยว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศสามารถยิงขีปนาวุธคาลิเบอร์ของรัสเซีย 6 ลูกและโดรน 21 ลำตกลงเหนือน่านฟ้าเมืองโอเดสซา แต่เศษซากของอาวุธดังกล่าวและคลื่นกระแทกจากแรงระเบิดยังคงทำให้เกิดความเสียหายที่บริเวณพื้นดินอยู่ดี

นอกจากนั้น ยูเครนยังอ้างว่า ได้ยิงโดรนจำนวนหนึ่งเหนือน่านฟ้าเขตปกครองมีโคลาอิฟ โดยกองทัพสามารถสกัดโดรนที่ยิงเข้ามาในยูเครนได้ 31 ลำ จากทั้งหมด 36 ลำ

เขตปกครองโอเดสซานั้นเป็นที่ตั้งของท่าเรือหลายแห่งที่ถูกใช้ในการขนส่งสินค้าภายใต้ข้อตกลงส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และตุรกีเป็นผู้ช่วยเจรจาจัดตั้งขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

การถอนตัวออกจากข้อตกลงทะเลดำของรัสเซีย

หลังรัสเซียประกาศถอนตัวจากการเข้าร่วมข้อตกลงส่งออกธัญพืชดังกล่าวที่หมดอายุลงเมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เสนอให้ยูเครนเดินหน้าการส่งออกภายใต้ความร่วมมือกับยูเอ็นและตุรกีต่อไป

แต่ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน ออกมาเตือนในวันอังคารว่า การกระทำเช่นนั้นจะไม่ปลอดภัยเลย หากไม่มีรัสเซียเข้าร่วมด้วย และระบุว่า “หากไม่มีการรับประกันด้านความปลอดภัยอย่างเหมาะสมแล้ว ย่อมมีความเสี่ยงอย่างแน่นอน ... หากมีการจัดทำ (ข้อตกลงในอนาคต) โดยปราศจากรัสเซีย ก็ควรมีการพิจารณาความเสี่ยงเหล่านี้ไว้ด้วย”

Turkish-flagged bulker TQ Samsun, carrying grain under UN's Black Sea Grain Initiative, transits Bosphorus in Istanbul, Turkey July 18, 2023.

รายงานข่าวระบุว่า เรือขนส่งธัญพืชลำสุดท้ายที่แล่นออกจากท่าเรือเมืองโอเดสซาเมื่อวันอาทิตย์ ผ่านเส้นทางระเบียงทางน้ำที่กำหนดไว้ ได้มาถึงนครอิสตันบูลแล้วในวันจันทร์

ทั้งนี้ หลังรัสเซียประกาศยุติความร่วมมือภายใต้ข้อตกลงทะเลดำ อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวสามารถช่วยลดราคาอาหารได้กว่า 23% ตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีที่แล้ว พร้อมระบุว่า “การตัดสินใจโดยสหพันธรัฐรัสเซียในวันนี้จะส่งผลเสียหนักต่อประชาชนที่เดือดร้อนหนักอยู่แล้วทั่วโลก”

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รัสเซีย “กำลังเปลี่ยนอาหารให้เป็นอาวุธ” และควรจะกลับคืนสู่ข้อตกลงนี้

ส่วน มีโคลา โซลสกี รัฐมนตรีนโยบายการเพาะปลูกยูเครน บอกกับ วีโอเอ ว่า “การส่งออกของยูเครนจะได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง เพราะการส่งออกธัญพืชทางทะเลนั้นคือ หนทางที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการนำส่งธัญพืชจากยูเครน” และว่า ยูเครนนั้น “จะต้องต่อสู้ให้ได้มาซึ่งระเบียงธัญพืช และเราจะใช้วิธีอื่น ๆ ของการส่งออกต่อไป”

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์