สื่อหนังสือพิมพ์ชั้นนำของรัสเซียรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เผยว่าได้เสนอให้กลุ่มทหารรับจ้างแวกเนอร์เดินหน้าช่วยมอสโกรบในยูเครนต่อโดยมีเงื่อนไขเปลี่ยนตัวผู้นำการรบ ไม่กี่วันหลังเกิดเหตุกบฏสายฟ้าแลบ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
หนังสือพิมพ์คอมเมอร์ซานต์ (Kommersant) ซึ่งเป็นสื่อสิ่งพิมพ์อันดับต้น ๆ ของรัสเซีย ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ปธน.ปูติน โดย อันเดรย์ โคเลนิคอฟ ผู้สื่อข่าวมือหนึ่งของตน ที่ระบุว่า ณ เวลานี้ อนาคตของ เยฟเกนี พริโกชิน ผู้นำแวกเนอร์กรุ๊ป และกองกำลังของกลุ่มทหารรับจ้างแห่งนี้ ยังคงเป็นประเด็นที่ไม่มีใครตอบได้ชัดเจน
เมื่อครั้งกลุ่มแวกเนอร์ทำการก่อกบฏเมื่อวันที่ 23-24 มิถุนายนที่ผ่านมา รายงานข่าวระบุว่า ปธน.ปูติน เอ่ยปากว่า ตนจะบดขยี้การแข็งขืนครั้งนั้นให้สิ้นซาก ก่อนที่จะมีการบรรลุข้อตกลงที่เปิดทางให้พริโกชินและนักรบบางส่วนของแวกเนอร์เดินทางออกจากรัสเซียไปยังเบลารุสได้
และแม้เครมลินจะยืนยันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า พริโกชินได้เดินทางกลับมามอสโกและเข้าพบพร้อมหารือกับปธน.ปูตินแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน โดยหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างที่เชี่ยวชาญการรบมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลกแห่งนี้ได้ให้คำมั่นที่จะจงรักภักดีต่อผู้นำรัสเซียอีกครั้ง เส้นทางต่อจากนี้ของแวกเนอร์กรุ๊ปยังเป็นสิ่งที่หลายคนสงสัยว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ในรายงานของคอมเมอร์ซานต์ ปธน.ปูตินกล่าวว่า “แวกเนอร์นั้นไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง” หลังผู้สื่อข่าวถามผู้นำเครมลินว่า มีแผนจะเก็บองค์กรทหารรับจ้างแห่งนี้ไว้เป็นหน่วยรบของตนต่อไปหรือไม่ โดยปูตินกล่าวด้วยว่า “ไม่มีกฎหมายใด ๆ ที่ควบคุมกำกับองค์กรทหารเอกชน (กลุ่มนี้) จึงไม่มีตัวตนอยู่”
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเครมลินในวันศุกร์เกี่ยวกับความเห็นดังกล่าว ก็ได้รับคำตอบว่า รัสเซียไม่มีองค์กรตามกฎหมายที่ชื่อ แวกเนอร์ และสถานภาพทางกฎหมายของบริษัทประเภทดังกล่าวก็เป็นประเด็นซับซ้อนและต้องมีการพิจารณาหารือกันต่อก่อน
ถึงกระนั้น ปูตินบอกกับสื่อคอมเมอร์ซานต์ว่า ในการประชุมกับผู้บัญชาการรบของแวกเนอร์เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ตนได้เสนอทางเลือกมากมายให้แก่องค์กรแห่งนี้เพื่อเดินหน้าสู้รบในนามมอสโกต่อไป โดยหนึ่งในนั้นคือ การให้สมาชิกอาวุโสรายหนึ่งของแวกเนอร์ที่รู้จักกันในนามแผงว่า Sedoi ที่แปลว่า ผมขาว ให้ขึ้นมาบัญชาการแทน
ผู้บัญชาการคนใหม่?
ชื่อ Sedoi เป็นนามแฝงของ อันเดรย์ โทรเชฟ ผู้บัญชาการอาวุโสของกลุ่มแวกเนอร์ ตามข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษของสหภาพยุโรป (อียู) รวมทั้งเอกสารจากทางการฝรั่งเศส แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดและรายงานสื่อรัสเซีย
โทรเชฟนั้นเป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับเหรียญกล้าหาญจากสงครามอัฟกานิสถานและเชชเนีย และเป็นคนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของปูติน
สื่อคอมเมอร์ซานต์รายงานว่า ปูติน กล่าวด้วยว่า นักรบทุกคนของแวกเนอร์กรุ๊ปสามารถมารวมตัวและเดินหน้าทำงานให้มอสโกต่อไป “โดยจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะมีผู้นำคนเดิมที่เป็นผู้บัญชาการตัวจริงของพวกเขามาโดยตลอด”
ผู้นำรัสเซียเปิดเผยด้วยว่า ผู้บัญชาการแวกเนอร์กรุ๊ปหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ ยกเว้น พริโกชิน ซึ่งปูตินอ้างว่า กล่าวยืนยันว่า นักรบแวกเนอร์จะไม่มีทางเห็นด้วยกับการตัดสินใจดังกล่าว
ไบเดนเตือนพริโกชิน “ทานอะไรก็ระวังให้ดี”
นับตั้งแต่เมื่อวันที่เดินทางออกจากเมืองรอสตอฟ ทางใต้ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ไปยังเบลารุส ไม่มีใครเคยเห็นตัวพริโกชินอีกเลย
และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯ ไม่แน่ใจว่า พริโกชิน อยู่ที่ไหน พร้อมกล่าวติดตลกว่า หัวหน้ากลุ่มแวกเนอร์อาจถูกวางยาพิษได้ โดยระบุว่า “ถ้าผมเป็นเขา ผมจะระวังเวลารับประทานอะไร และผมจะจับตาดูเมนูไว้ดี ๆ” และว่า “เอาจริง ๆ ... ผมไม่คิดว่า พวกเรารู้แน่ว่า อนาคตของพริโกชินในรัสเซียจะเป็นอย่างไร”
ทั้งนี้ พริโกชินคือคนที่ช่วยรัสเซียผนวกแคว้นไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อปี ค.ศ. 2014 และยังเข้าร่วมรบสู้กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (Islamic State – IS) รวมทั้งดำเนินปฏิบัติการในสาธารณรัฐแอฟริกากลางและสาธารณรัฐมาลี และเข้ายึดเมืองบาคห์มุตของยูเครนเมื่อต้นปีนี้ด้วย
- ที่มา: รอยเตอร์