รัสเซียระงับข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ หลังกล่าวหายูเครนโจมตีสะพานไครเมีย

  • VOA

UKRAINE-CRISIS/CRIMEA-BRIDGE

รัสเซียเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ได้ระงับการเข้าร่วมในข้อตกลงฉบับสำคัญของสหประชาชาติว่าด้วยการเปิดทางให้ธัญพืชจากยูเครนสามารถขนส่งผ่านทางทะเลดำ หลังจากที่รัฐบาลรัสเซียกล่าวหายูเครนว่าโจมตีใส่สะพานเชื่อมแคว้นไครเมีย

อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แสดงจุดยืนคัดค้านการตัดสินใจดังกล่าวของรัสเซีย โดยกล่าวว่า การส่งออกผ่านทะเลดำนั้น “เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งต่อความมั่นคงทางอาหารโลกและเป็นเหมือนประภาคารแห่งความหวังสำหรับโลกที่ตกอยู่ในภาวะวุ่นวายอยู่นี้”

United Nations Secretary-General Antonio Guterres attends a press conference, in Port-au-Prince

ขณะเดียวกัน ลินดา โธมัส-กรีนฟีลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ออกมาประณามมอสโกต่อการไม่ยอมเดินหน้าเปิดทางให้มีการส่งออกธัญพืชจากยูเครน โดยเรียกการตัดสินใจของเครมลินว่า เป็น “การกระทำอันโหดร้ายทารุณอีกครั้งหนึ่ง” ของฝ่ายรัสเซีย

ก่อนหน้าที่ข้อตกลงการส่งออกธัญพืชนี้จะหมดอายุลงในวันจันทร์ รัสเซียออกมากล่าวว่า ตนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากความคิดริเริ่มนี้ที่ยูเอ็นและตุรกีช่วยเป็นตัวกลางเจรจาเลย แม้ยูเครนและรัสเซียจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกหลักของข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันดอกทานตะวันและผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ มากมาย

ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของโลก โดยเฉพาะธัญพืชต่าง ๆ ซึ่งการระงับข้อตกลงฉบับนี้ยิ่งทำให้ราคาธัญพืชในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นทันทีในวันจันทร์

ข้อตกลงขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำจัดทำขึ้นเมื่อปีที่แล้ว โดยรัสเซียยินยอมให้เรือขนส่งธัญพืชและปุ๋ยจากยูเครนและรัสเซียเดินทางผ่านทะเลดำได้เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 ปีหลังจากการทำสัญญาดังกล่าวและอาจมีการขยายเวลาออกไปตามความเหมาะสม

แต่เมื่อเดือนตุลาคม รัสเซียประกาศระงับการเข้าร่วมข้อตกลงนี้ชั่วคราว หลังจากที่มีการใช้โดรนโจมตีเรือของรัสเซียในไครเมีย

และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวว่า บางส่วนของข้อตกลงธัญพืชทะเลดำมิได้ถูกนำไปปฏิบัติ ดังนั้นตนจึงกำลังพิจารณาว่าจะถอนรัสเซียจากการเข้าร่วมข้อตกลงฉบับนี้จนกว่าเงื่อนไขต่าง ๆ จะเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้

Russian President Vladimir Putin chairs a meeting with members of the Security Council in Moscow

นอกจากนี้ รัสเซียอ้างว่าธัญพืชส่วนใหญ่ที่ถูกขนส่งผ่านเส้นทางนี้ไปไม่ถึงประเทศยากจน แต่ทางสหประชาชาติชี้แจงว่า ข้อตกลงนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศเหล่านั้นเพราะราคาธัญพืชในตลาดโลกลดลงไปแล้วกว่า 20% จากช่วงเริ่มต้นสงคราม

ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ว่า "การระงับข้อตกลงธัญพืชทะเลดำมีผลบังคับใช้ในวันนี้" ขณะที่ มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แจ้งไปยังสหประชาชาติ ยูเครน และตุรกีแล้วว่า รัสเซียจะไม่ต่อสัญญาของข้อตกลงนี้

ขณะเดียวกัน ทางทำเนียบเครมลินยืนยันว่า การระงับข้อตกลงธัญพืชในทะเลดำที่สหประชาชาติและตุรกีเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อแก้ไขวิกฤติอาหารโลก ไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับการโจมตีสะพานไครเมียในวันจันทร์

เหตุโจมตีสะพานไครเมีย

มีรายงานการระเบิดบนถนนและรางรถไฟของสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างรัสเซียกับแคว้นไครเมียเมื่อช่วงรุ่งสางของวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิตสองคนและเด็กผู้หญิงได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในการโจมตีที่รัสเซียระบุว่าเป็นการก่อการร้ายใส่เส้นทางที่ใช้ลำเลียงเสบียงต่าง ๆ ให้แก่ทหารรัสเซียที่สู้รบอยู่ในยูเครน

This photo released by Ostorozhno Novosti on July 17, 2023, reportedly shows damaged parts of an automobile link of the Crimean Bridge connecting Russian mainland and Crimean peninsula over the Kerch Strait not far from Kerch, Crimea.

คณะกรรมการต่อต้านการก่อการร้ายรัสเซียโทษว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของโดรนจากยูเครน

สะพานดังกล่าวเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญในการนำส่งเสบียงของกองกำลังรัสเซียในช่วงที่ยังมีการเดินหน้ารุกรานยูเครนอยู่นี้

An armed ship sails next to Crimean bridge connecting the Russian mainland with the peninsula across the Kerch Strait, Crimea, July 17, 2023.

ทางการรัสเซียเปิดเผยว่า ส่วนของสะพานที่ได้รับความเสียหายนั้นอยู่ใกล้กับแคว้นไครเมียที่มอสโกผนวกรวมกับตนในปี ค.ศ. 2014 แม้ประชาคมโลกจะไม่ยอมรับก็ตาม ขณะที่ ตอม่อของสะพานนั้นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด

เมื่อเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว เพิ่งมีเหตุระเบิดขึ้นที่สะพานแห่งนี้ และรัสเซียก็โทษยูเครนว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีเช่นกัน

แต่ อาร์เทม เดกทยาเรนโก โฆษกของหน่วยงานความมั่นคงยูเครน ระบุในแถลงการณ์ว่า จะมีการเปิดเผยรายละเอียดของเหตุการณ์นี้ หลังจากยูเครนได้ชัยชนะในสงครามเหนือรัสเซียแล้ว โดยกล่าวว่า “ในเวลานี้ เรากำลังคอยดูอย่างใส่ใจว่า หนึ่งในสัญลักษณ์ของระบอบการปกครองของ[ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์]ปูตินประสบความล้มเหลวในการต้านแรงกดจากแรงถ่วงทางทหารได้อย่างไร “

  • ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์