สหรัฐฯปรับกฏเข้มให้ออกวีซ่านักลงทุนได้ยากกว่าเดิม

Visa stamp

ผู้ที่สนใจจะใช้ช่องทางการออกวีซ่านักลงทุน EB-5 ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางการได้ใบเขียวในอเมริกา อาจต้องเตรียมรับมือกับกฏเกณฑ์ที่ยากขึ้น เมื่อล่าสุด ทางรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับข้อกำหนดใหม่ ให้เพิ่ม “วงเงินลงทุน” ของผู้ที่ต้องการขอวีซ่านี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ท่ามกลางกระแสคัดค้านของภาคธุรกิจในอเมริกาที่เตือนว่ากฏเกณฑ์นี้อาจนำพาสหรัฐฯดำดิ่งเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจได้

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ ระบุข้อกำหนดใหม่เมื่อวันพุธ ว่างบลงทุนเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ต้องการยื่นขอวีซ่านักลงทุน EB-5 จะต้องอยู่ที่ 900,000 ดอลลาร์ หรือราว 27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดิมที่ 500,000 ดอลลาร์ หรือราว 15 ล้านบาท

หลังมาตรการนี้ออกมา ก็มีกระแสคัดค้านจากฝั่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกา ที่เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการขอวีซ่าดังกล่าว อาจกระทบต่อเงินลงทุนจากต่างประเทศ และอาจส่งผลให้สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ได้หากไม่ยกเลิกข้อกำหนดนี้

วีซ่านักลงทุน EB-5 เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1990 มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงานในสหรัฐฯ ในพื้นที่ที่ต้องการการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละรัฐของอเมริกา แต่ชาวต่างชาติเพิ่งเห็นช่องทางดังกล่าวเมื่อช่วงวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ช่วงปี ค.ศ. 2008 จนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีงบลงทุนจากต่างชาติผ่านทางช่องทางนี้มากกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี แลกกับสถานะเป็นผู้มีถิ่นพำนักถาวรในอเมริกา หรือ ใบเขียว ราว 10,000 รายต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้สมัครชาวจีนที่ได้รับสิทธิ์ใบเขียวจากวีซ่านี้

ที่ผ่านมา วีซ่านักลงทุน EB-5 ถูกเพ่งเล็งจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าอาจเป็นช่องทางของการคอรัปชั่นหรือการหาโอกาสซื้อสถานะผู้มีถิ่นพำนักถาวรในอเมริกา เนื่องจากมีระยะเวลาการให้สถานะที่สั้นกว่ารูปแบบอื่นๆ อย่างการให้สถานะใบเขียวผ่านครอบครัว หรือการทำงาน ขณะเดียวกัน งบลงทุนผ่านวีซ่าดังกล่าวกลับกระจุกตัวในเขตเมืองใหญ่ แทนที่จะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนต่างๆในอเมริกาตามเป้าหมายเดิม เช่น กรณีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ในเขต Hudson Yards ในมหานครนิวยอร์ก