หน่วยงานด้านยาเสพติดของสหประชาชาติ เผยว่าการจับกุมยาเสพติดประเภทเมธแอมฟีทามีน (Methamphetamine) หรือ ยาบ้า ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปีที่แล้ว ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามรายงานของเอพี
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมของสหประชาชาติ หรือ UNODC เผยรายงานฉบับใหม่เมื่อวันอังคารว่า ปริมาณยาบ้าที่ยึดได้ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อปี 2023 ทำสถิติใหม่ที่ 190 ตัน
โดย 89% ของปริมาณยาบ้าที่ยึดได้ มาจากบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พิกัดพรมแดนระหว่างประเทศไทย เมียนมา และลาว ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่ปลูกฝิ่นและเป็นที่ตั้งของห้องทดลองผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า "ซูเปอร์แล็บ" ที่เปลี่ยนวัตถุดิบและสารเคมีเพื่อนำไปผลิตเป็นยาบ้า ยาไอซ์ และเฮโรอีน
ในรายงานระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว มีการบุกจับยาบ้าน้ำหนักกว่า 98.3 ตัน มูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์ และยาไอซ์ 90 ตัน และยาเสพติดจากเมียนมายังถูกส่งไปยังประเทศอื่น ๆ อย่างเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศอื่น ๆ ในแปซิฟิก
เบเนดิคต์ ฮอฟแมนน์ รองผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมของสหประชาชาติ หรือ UNODC กล่าวกับเอพีว่า “เราคุ้นเคยกับการบุกยึดยาเสพติดที่ทำสถิติใหม่ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ขนาดของการผลิตยาบ้าในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำได้กลายเป็นระดับที่ใหญ่มาก เช่นเดียวกับรายได้และผลกำไรของการจำหน่ายยาบ้าที่เพิ่มขึ้นมาก”
ฮอฟแมนน์ เพิ่มเติมว่า “ในเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มูลค่าอาจแตะระดับ 80,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีที่ส่งกลับไปยังเศรษฐกิจที่ผิดกฎหมายในภูมิภาค”
UNODC ระบุว่า การผลิตยาบ้ากระจุกตัวในรัฐฉานทางตะวันออกของเมียนมา โดยองค์กรอาชญากรรมในเอเชียที่ร่วมมือกับกลุ่มติดอาวุธในรัฐฉาน ซึ่งได้รับสิทธิพิเศษในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ในธุรกิจด้านยาเสพติด และธุรกิจผิดกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจคาสิโน คอลเซนเตอร์ การพนันผิดกฎหมาย และการค้ามนุษย์
- ที่มา: เอพี