สหประชาชาติเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า มูลค่าการลักลอบค้าขายยาเสพติดในแถบเอเชียแปซิฟิกในปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 30,300 - 61,400 ล้านดอลลาร์ และบรรดาขบวนการค้ายาเสพติดได้สร้างฐานการผลิตใหม่และใช้การขนส่งทางทะเลเพื่อแจกจ่ายเมทแอมเฟตามีนไปทั่วภูมิภาคนี้
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC รายงานว่า การจับกุม "ยาบ้า" และ "ยาไอซ์" เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด-19 แม้ว่ารัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้ปิดพรมแดน จำกัดการเดินทางทางอากาศ และใช้มาตรการล็อกดาวน์ตามแหล่งซื้อขายสาเสพติด
UNODC ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั่วเอเชียสามารถจับกุมเมทแอมเฟตามีนได้ 170 ตันเมื่อปีที่แล้วซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติใหม่ เพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปี ค.ศ.2019 และทำให้ตลาดยาเสพติดในเอเชียมีขนาดพอ ๆ กับตลาดยาเสพติดในอเมริกาเหนือแล้ว
เจ้าหน้าที่ของ UNODC ยังบอกด้วยว่า การจับกุมที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า การระบาดของโควิด-19 แทบไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและขนส่งยาเสพติดขององค์กรอาชญากรรมต่าง ๆ
รายงานยังบอกด้วยว่า ขณะนี้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ใช้การขนส่งทางทะเลเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงยาเสพติด แทนการขนส่งทางบกและทางอากาศเหมือนในอดีต โดยเริ่มจากเมียนมาผ่านทะเลอันดามันไปยังมาเลเซีย รวมทั้งการตรวจพบยาไอซ์หลายตันซุกซ่อนอยู่ในตู้สินค้าจากท่าเรือในประเทศไทย ที่กำลังส่งไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง
เจเรมี ดักกลาส ผู้แทนของ UNODC ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การจับกุมยาไอซ์ดังกล่าวนำไปสู่การเปิดโปงวิธีลักลอบขนส่งยาเลพติดข้ามชาติด้วยการใช้ "เรือแม่" เป็นเสมือนโกดังลอยน้ำเพื่อกักเก็บยาไอซ์จำนวนมากกลางทะเล และรอให้เรือที่เล็กกว่ามารับยาไอซ์ขึ้นฝั่งเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป โดยเรือแม่ลำใหญ่นั้นจะมีการเปลี่ยนธงและเปลี่ยนชื่อเรืออยู่เป็นประจำเพื่อเลี่ยงการถูกจับกุม
ในขณะเดียวกัน การบุกทลายแหล่งผลิตยาบ้าหลายแห่งในกัมพูชา ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงความสามารถของขบวนการค้ายาเสพติดต่าง ๆ ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไกลจากแหล่งวัตถุดิบบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
การกระจายแหล่งผลิตขนาดย่อมเหล่านี้ยังทำให้สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ราคายาบ้าและยาไอซ์ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
รายงานของ UNODC ชี้ว่า ปัจจุบัน ราคาเมตแอมเฟตามีน 1 กิโลกรัมขายในกัมพูชาประมาณ 10,000 ดอลลาร์ หรือราว 320,000 บาท และขายในไทยราว 8,000 ดอลลาร์ หรือราว 250,000 บาท ทำให้เกิดการทุ่มตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้