ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สหประชาชาติเรียกร้องเปิดทางส่งความช่วยเหลือกาซ่าเพิ่ม


รถขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะเดินทางเข้าฉนวนกาซ่าจากจุดผ่านแดน เคเรม ชาลอม ในราฟาห เมื่อ 14 ม.ค. 2567
รถขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ขณะเดินทางเข้าฉนวนกาซ่าจากจุดผ่านแดน เคเรม ชาลอม ในราฟาห เมื่อ 14 ม.ค. 2567

เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติออกมาเรียกร้องอีกครั้งในวันจันทร์ให้มีการหยุดยิงโดยทันทีในฉนวนกาซ่า ขณะที่ ผู้ดูแลงานด้านการจัดหาความช่วยเหลือทั้งหลายประสานเสียงขอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนสำหรับการขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะอดอยากรุนแรงและการระบาดของโรคต่าง ๆ

อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น กล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่จะเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลกับการลงโทษเหมารวมต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์ได้” และว่า “สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซ่านั้นเกินกว่าจะอธิบายได้ ไม่มีที่ไหนและไม่มีใครปลอดภัยเลย”

กูเทอเรซ กล่าวด้วยว่า ตน “รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก” ที่เห็น “การละเมิดอย่างชัดเจน” ของกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

หน่วยงานด้านความช่วยเหลือต่าง ๆ ของยูเอ็น ออกมาเตือนในวันจันทร์ว่า หากไม่มีทางเข้าไปในฉนวนกาซ่าเพิ่มเติม ภัยคุกคามของภาวะอดอยากรุนแรงและการระบาดของโรคต่าง ๆ ก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น สำหรับประชากรราว 2.2 ล้านคนที่อยู่ในสถานการณ์ทุกข์ยากอยู่แล้ว

หัวหน้าผู้ดูแลโครงการอาหารโลก (World Food Program – WFP) รวมทั้ง ยูนิเซฟ (UN International Children’s Emergency Fund - UNICEF) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization – WHO) ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นคือ การเปิดเส้นทางใหม่ ๆ การอนุญาตให้รถบรรทุกผ่านจุดข้ามแดนมากขึ้นในแต่ละวัน การลดกฎข้อจำกัดของความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการรับประกันด้านความปลอดภัยต่อผู้คนที่ทำการแจกจ่ายและเข้ารับความช่วยเหลือ เพื่อให้เสบียงความช่วยเหลือทั้งหลายไปถึงมือชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าได้มากเพียงพอ

ซินดี แมคเคน ผู้อำนวยการบริหาร WFP กล่าวด้วยว่า ถ้ามีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปได้มากพอ และทุกคนในกาซ่าสามารถเข้าถึงได้จริง สถานการณ์ความอดอยากรุนแรงก็จะไม่ปะทุขึ้นอย่างที่หลายฝ่ายกลัวกันอยู่

ทั้งนี้ โครงการอาหารโลกเปิดเผยว่า ทางองค์กรสามารถเข้าถึงประชาชนกว่า 900,000 คน จากทั้งหมด 2.2 ล้านคนในกาซ่า นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

ที่ผ่านมา ยูเอ็นและหุ้นส่วนด้านงานความช่วยเหลืออื่น ๆ ใช้จุดผ่านแดนราฟาห์จากฝั่งอียิปต์เป็นเส้นทางเข้าไปยังกาซ่า โดยเดิมทีจุดนี้ถูกใช้งานต่างทางเดินเท้าเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถรับมือกับรถบรรทุกจำนวนมากได้ ส่งผลให้เกิดการสะสมของเสบียงที่รอเข้าไปในกาซ่าอยู่เป็นจำนวนมาก

แฟ้มภาพ - ภาพถ่ายจากคลิปวิดีโอการตรวจค้นรถบรรทุกขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่จุดผ่านแดน เคเรม ชาลอม ที่ชายแดนอิสราเอล กาซ่าและอียิปต์ เมื่อ 12 ธ.ค. 2566 (COGAT via X/Handout via Reuters)
แฟ้มภาพ - ภาพถ่ายจากคลิปวิดีโอการตรวจค้นรถบรรทุกขนส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ที่จุดผ่านแดน เคเรม ชาลอม ที่ชายแดนอิสราเอล กาซ่าและอียิปต์ เมื่อ 12 ธ.ค. 2566 (COGAT via X/Handout via Reuters)

เมื่อเดือนที่แล้ว อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดน เคเรม ชาลอม เพื่อให้มีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพิ่ม แต่ยูเอ็นระบุว่า การใช้งานเส้นทางนี้ไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอเนื่องจากสถานการณ์การสู้รบในบริเวณนั้น

และเมื่อเดือนที่แล้วเช่นกัน หน่วยงาน Integrated Food Security and Nutrition Phase Classification ที่มียูเอ็นหนุนหลังอยู่ เตือนว่า ประชากรชาวปาเลสไตน์กว่าครึ่งหนึ่งในกาซ่ากำลังเผชิญกับความอดอยากหิวโหยรุนแรงหนัก และเกือบ 400,000 คนก็กำลังจะตกอยู่ในภาวะทุพภิกขภัยแล้ว

นอกจากนั้น ความอดอยากหิวโหยยังทำให้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็ก ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคภัยต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง โรคอุจจาระร่วง ที่พบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกลุ่มเด็กอายุไม่ถึง 5 ขวบ

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG