บรรยากาศการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ต่างหาเสียงโจมตีใส่กันและกันอย่างดุเดือดในวันอังคาร หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน
อดีตปธน.ทรัมป์ โพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social ในวันอังคารว่า "คามาลา แฮร์ริส คนโกหก ทำลายทุกอย่างที่เธอสัมผ้ส"
ก่อนหน้านี้ทรัมป์กล่าวหาว่า แฮร์ริสและพรรคเดโมแครตช่วยปิดบังเรื่องสุขภาพของไบเดน "และพวกเขายังทำให้พรรครีพับลิกันเข้าใจผิด จนเสียทั้งเวลาและเงินทอง" ไปกับการโฆษณาที่มุ่งเป้าโจมตีไบเดน ซึ่งไม่ใช่คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกต่อไป
ด้านรองปธน.แฮร์ริส อดีต สว. และอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ในฐานะอัยการ เธอต้องเผชิญหน้ากับผู้กระทำผิดทุกรูปแบบ "ผู้ที่ละเมิดสตรี คนฉ้อโกงที่เอาเปรียบผู้บริโภค คนหลอกลวงที่แหกกฎเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ดังนั้นเชื่อเถอะว่าดิฉันรู้จักคนลักษณะอย่างทรัมป์ดี"
ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม ทรัมป์ถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทง สืบเนื่องจากคดีจ่ายเงินค่าปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่เมื่อปี 2016 ซึ่งทรัมป์ปฏิเสธอย่างแข็งขัน
หลังจากที่ประกาศสละสิทธิ์ลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวกับคณะหาเสียงของแฮร์ริสทางโทรศัพท์ว่า "ชื่อผู้ลงสมัครเปลี่ยนไป แต่ภารกิจยังไม่เปลี่ยนแปลง และผมจะไม่ไปไหนแต่จะอยู่ร่วมกับการหาเสียงของคามาลาต่อไป" พร้อมขอให้ผู้สนับสนุนตนเองยังคงให้การสนับสนุนต่อรองปธน.แฮร์ริสด้วยเช่นกัน
ปธน.ไบเดน จะกล่าวต่อประชาชนอเมริกันจากทำเนียบขาวในวันพุธนี้ เกี่ยวกับการตัดสินใจสละสิทธิ์จากการแข่งขัน และการบริหารประเทศในช่วงเวลาที่เหลืออยู่อีกหกเดือนจากนี้
ทางด้านคณะหาเสียงของแฮร์ริสเปิดเผยว่า สามารถระดมเงินบริจาคได้อีกมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นมาจนถึงช่วงเย็นวันจันทร์
ขณะเดียวกัน แฮร์ริสยังคงไม่ส่งสัญญาณว่าจะเลือกใครลงคู่กันในตำแหน่งรองประธานาธิบดี หากเธอได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคเดโแมครตในการแข่งขันกับทรัมป์แล้วจริง ๆ
โดยขณะนี้มีการพูดถึงรายชื่อนักการเมืองบางคนของเดโมแครตบ้างแล้ว เช่น สว.มาร์ค เคลลี จากรัฐแอริโซนา, ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี แอนดี บีเชียร์, ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน เกรทเชน วิทเมอร์ และผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย จอช ชาปิโร เป็นต้น
สำหรับการหาเสียงล่าสุด แฮร์ริสมุ่งหน้าไปยังรัฐวิสคอนซิน หนึ่งในรัฐสมรภูมิ หรือ battleground state ขณะที่ทรัมป์เดินทางไปยังรัฐนอร์ธแคโรไลนาซึ่งเป็นอีกหนึ่งรัฐสมรภูมิเช่นกัน
- ที่มา: วีโอเอ