ชีวินทร์ การะพัฒน์ หรือ แพท ย้ายมาใช้ชีวิตในนครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มาแล้วกว่า 8 ปี แต่กลับต้องประสบเหตุถูกจู่โจม ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ขณะเดินริมถนน ใจกลางนครใหญ่ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้ว ถึง 2 ครั้ง
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงเช้ามืด กลางเดือนกันยาย ปี 2024 ที่ผ่านมา ขณะเดินกลับบ้าน ในย่านเทนเดอลอยน์
“ แพทก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร แต่อยู่ดีๆเขาก็เดินเข้ามา เขาเหมือนพยายามเดิน จากข้างหลัง เขาก็มาชกแพทเลยครับ แพทก็เห็นเขาเป็นคนผิวสี .. แพทค่อนข้างกลัวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูกเลย แต่คือพยายามตั้งสติอยู่ว่าเราต้องวิ่งหนีหรือจะต้องเราต้องหลบเขาไปและแพทก็พยายาม Run as Possible ถึงมายอพาร์ทเม้นท์นะครับ หลังจากนั้นก็พอถึงอพาร์ทเม้นท์แล้วแพทก็เจ็บแล้วก็ต้อง โทรหาตำรวจ” ชีวินทร์ การะพัฒน์ บอกกับ วีโอเอ ไทย
นอกจากจะ ได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล จากเหตุการณ์ทั้งสองครั้งแล้ว ผลลัพท์ที่ลงเอยคล้ายกัน คือตำรวจ ไม่สามารถจับคนร้ายมาลงโทษได้
“ ครั้งที่แล้วแพทโดนหนักเลย แพทโดนจี้แล้วคือคนร้ายมีกำไรเขาเรียกว่า EM นะครับอยู่ที่ขาด้วย แล้วตำรวจสามารถจับ Record ได้แล้ว ตำรวจก็มาจับไป แต่สุดท้ายตำรวจเขาก็ไม่ได้ทำอะไร คือแพทก็ไม่ได้เข้าใจ process ขั้นตอนของการทำงานของตำรวจหรืออะไรอย่างนี้เท่าไหร่ครับแต่ละคือแบบเราก็เป็นคนนึงเนาะที่มามาเรียนมาทำงานมาใช้ชีวิตในอเมริกาเราก็ต้องการความปลอดภัยในชีวิต”
รุจิรา อ่ำบุญ ชาวไทย ในซานฟรานซิสโก วัย 33 ปี เคยถูกทำร้ายบนรถโดยสารรถประจำทาง ขณะกำลังเดินทางกลับที่พัก เมื่อปลายปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา เธอเชื่อว่า เหตุที่เกิดกับเธอ รวมทั้งกับคนไทย และคนเชื้อสายชาวเอเชีย อยู่บ่อยครั้ง น่าจะมีแรงจูงใจจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
“ ตอนวินาทีแรกที่โดนก็ยังไม่เข้าใจ จนพอหลังจากที่โดนแล้วเราก็เลยพอรู้ว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเราอาจจะเป็นเอเชียคนเดียวในนั้น เพราะว่าทุกคนบนรถพูดเหมือนกันหมดว่าเป็น Hate Crime แน่นอน แล้วก็อีกอย่างนึงตอนที่เขาขึ้นมาเขาได้มีการหันมามองเราแบบผิดปกติ เหมือนจ้องเราผิดปกติซึ่ง แต่เราก็ไม่ได้เอะใจอะไรว่ามันจะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นมา ก็เลยทำให้เป็นเหตุผลที่ว่าทำให้เราคิดว่านั่นคือสิ่งที่เหตุผลหรือแรงจูงใจที่ทำให้เขาทำร้ายร่างกายของเรา” รุจิรา อ่ำบุญ ชาวไทยในนครซานฟรานซิสโก ถ่ายทอดประสบการณ์ ที่เธอตกเป็นเหยื่อถูกทำร้าย
เหตุความรุนแรง ที่เกิดชึ้นกับชาวชุมชนไทย และชาวเอเชียในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดความพยายามในการรวมตัวจากองค์กรต่างๆ ภายในชุมชนไทย เพื่อร่วมถอดประสบการณ์ ถอเดบทเรียน ระดมสมอง หาข้อสรุป เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
วิมพ์วิภา ชัยอุ่น เจ้าหน้าที่จากศูนย์ Asian Pacific Counseling and Treatment องค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร ที่มุ่งช่วยเหลือชาวเอเชียในแคลิฟอร์เนีย บอกว่า การพูดคุยและสร้างความเชื่อมโยง ในแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบเหตุคือหนึ่งในทางออกสำคัญ
“ช่วยได้เยอะนะคะ เพราะคนเหล่านี้ต้องการกำลังใจ ต้องการคนสนับสนุน ให้คำแนะนำในทางที่ถูกต้อง ซึ่งมีหลายอย่างที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ ที่น้องเค้าอาจจะมี ผู้ที่ประสบเหตุการณ์จากความเกลียดชังมีความสับสน หรือต้องการคำแนะนำอะไรหลายๆ อย่าง เราก็จะให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง หรือการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายด้วย การให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพจิต หรือแม้แต่ด้านที่อยู่อาศัย หรือการที่จะมีที่เค้าเรียกว่า Victim Conpensation คือการหาเงินชดเชยให้” วิมพ์วิภา ชัยอุ่น เจ้าหน้าที่องค์กรเอกชนที่ให้ความช่วยเหลือ กล่าวแนะนำ
ชีวินทร์ การะพัฒน์ และ รุจิรา อ่ำบุญ เหยื่อที่ถูกทำร้ายเมื่อเดือนกันยายน ที่ นครซานฟรานซิสโก อยากบอกเล่าประสบการณ์เป็นบทเรียนให้คนไทยในอเมริกา ได้เตรียมพร้อมและรับมือหากเกิดเหตุไม่คาดฝัน
“ถ้าในอนาคต ถ้าสภาพจิตใจของแพทดีขึ้น หรือสภาพทางร่างกายและจิตใจแพทดีขึ้นแพทอยากกระบอกเสียงและแพทอยากทำงานเพื่อ community เหมือนเรามีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาแล้วเราอยากผลักดันเรายังไม่รู้ว่าเรื่องร้ายๆมันจะเกิดกับคนอื่นอีกมั้ย ในเมื่อเราผ่านจุดนี้มาแล้วแพทอยากเป็นกระบอกเสียง อยาก Encourage สิ่งที่แพทเจอว่าเรามีวิธีการที่จะรับมือมันอย่างไร ในเมื่อรัฐบาลหรืออะไรเขาไม่ได้ช่วยเราเราต้องช่วยตัวเองเรา community ของเราจะช่วยกัน ..
..แพทรู้สึกว่าเราอยู่ในยุคที่ Equality Diversity 2024 แล้วครับ This thing needs to be stopped ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพแล้วก็เป็นความเท่าเทียมกันเราไม่มีใครเหนือใคร แค่แพทอยากจะบอกว่าแพทอยากเป็นอยากเป็นกระบอกเสียงว่าเราต้องมาไฟท์ เพื่อ Human Right คือแพทก็คือมนุษย์คนนึง ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพใด แพทไม่สมควรที่จะต้องมา Deserve something like this ซึ่งอาจจะเป็นในเรื่องของอาชญากรรม มันน่ากลัวมาก ..” ชีวินทร์ กล่าว
“ โดยพื้นฐานคนไทยอาจจะเป็นคนด้วยความที่เราเป็นคนน่ารักเป็นคนที่ไม่อยากมีปัญหากับใครเป็นคนสุภาพ อาจจะเป็นอย่างนั้นทำให้พอเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ก็เลยไม่อยากที่จะมีปัญหา แค่อยากจะออกมาแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เกี่ยวว่าเราอยากจะไม่อยากมีปัญหาแต่มันคือสิ่งที่เป็นสิทธิ์ที่เราจะต้องเรียกร้องว่าเราไม่สมควรได้รับ // มองว่าทุกคนไม่ว่าจะอยู่ชาติไหนหรือว่าสีผิวอะไรหรือว่าเป็นคนเชื้อชาติอะไร เราเป็นมนุษย์เหมือนกันเรามีสิทธิ์มีความเท่าเทียมในความเป็นมนุษย์เหมือนกัน”รุจิรา อ่ำบุญ กล่าวในที่สุด
ด้านเจ้าหน้าที่ แกรี คุณาบุตร (Gary Kunaboot) ตำรวจซานฟรานซิสโกเชื้อสายไทย ที่ได้อาสาให้การช่วยเหลือ และช่วยประสานงานทางด้านคดีกับเหยื่อความรุนแรงของคนไทยในซานฟรานซิสโกมาหลายคดี กล่าวกับ VOA Thai ว่ารู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ทำได้คือต้องร่วมสร้างการตระหนักรู้ และวางแนวทางช่วยเหลือเป็นเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
“คือทั้งชีวิต ผมไม่เคยคิดว่าเหยื่อเป็นคนไทย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา ผมเห็นหลายอย่างหลายเรื่องเกิดขึ้นมา ผมเห็นแล้วกลุ้มใจครับ รับไม่ได้ แต่ผมดีใจอย่างนึง ตั้งแต่งานนี้และเรื่องนี้เกิดขึ้นมา Asian Hate ดังมากทั่วโลก คนได้เห็นว่า วันนี้ไม่เกิดที่นี่อย่างเดียว มันเกิดทั่วโก คนต้อง Stand Together “ จนท. Gary Kunaboot ตำรวจซาฟรานซิสโก SFPD เชื้อสายไทย กล่าวแนะนำ
เช่นเดียวกับนายเอริค พาร์เนส ทนายความของรุจิรา ได้กล่าวว่า คดีอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นอย่างปฎิเสธไม่ได้ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และการนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษอย่างจริงจังจะช่วยหยุดปัญหานี้
เอริค พาร์เนส ทนายความชาวอเมริกัน ที่ให้ความช่วยเหลือด้านกฏหมายกับเหยื่อความรุนแรงในชุมชนไทยมาแล้วหลายกรณี บอกว่า จำเป็นต้องมีแนวทางปฏิบัติที่ใช้ได้จริง เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับชาวเอเชียซึ่งเพิ่มสูงกว่า 400 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บางครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เอาจริงเอาจังเท่าที่ควร โดยเฉพาะกับคดีอาชญากรรมที่เกิดชึ้นกับชนกลุ่มน้อยเชื้อสายต่างๆ ในอเมริกา ทั้งๆที่จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อจัดการกับอาชญากรอย่างเด็ดขาด
แม้คดีการเสียชีวิตของนายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี ที่ถูกทำร้ายที่นครซานฟรานซิสโก เมื่อปี 20... จะเป็นคดีสำคัญที่ถูกจับตามอง และสร้างความตื่นตัวให้ชุมชนชาวเอเชียทั่วแคลิฟอร์เนียออกมารณรงค์หยุดความเกลียดชังทางเชื้อชาติและหยุดการใช้ความรุนแรงต่อคนเชื้อสายเอเชีย แต่การพิจารณาคดี ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลนครซานฟรานซิสโก
กระดานความเห็น