ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตนคาดหวังที่จะเกณฑ์กำลังพลสำรองภายใต้แผนระดมพลเข้าร่วมรบในยูเครนให้ได้ตามเป้า 300,000 คนภายใน 2 สัปดาห์ ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
หลังเข้าประชุมสุดยอดที่คาซัคสถาน ผู้นำรัสเซียบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในเวลานี้ มีการเคลื่อนพลสำรองที่เกณฑ์มาได้ราว 220,000 คน จากเป้า 300,000 คนของกระทรวงกลาโหมแล้ว โดยมี 33,000 คนที่เข้าไปประจำการหน่วยรบของกองทัพ และอีก 16,000 คนที่เข้าร่วมสู้รบแล้วด้วย
การระดมพลสำรองที่มีการประกาศออกมาเมื่อเดือนที่แล้ว หลังกองทัพรัสเซียเป็นฝ่ายปราชัยให้กับกองกำลังยูเครนซึ่งสามารถยึดคืนพื้นที่หลายจุดที่กองทัพมอสโกเคยยึดครองไปได้ในช่วงต้นของสงคราม กลายมาเป็นตัวจุดระเบิดกระแสความไม่พอใจของประชาชนในรัสเซีย โดยมีรายงานข่าวว่า ชายชาวรัสเซียเกือบทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปีถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นกำลังพลสำรองไว้
ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้รักชาติชาวรัสเซียออกมาวิจารณ์การดำเนินแผนการรบของเครมลินอย่างหนัก ซึ่งกลายมาเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อปธน.ปูติน ให้ลงมือทำการใด ๆ เพิ่มเพื่อเปลี่ยนทิศทางลมให้รัสเซียเป็นฝ่ายได้เปรียบโดยด่วน
และแม้ทั้งผู้นำรัสเซียและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของมอสโกหลายรายจะออกมายืนยันว่า แผนการระดมพลนั้นมีเป้าเรียกพลสำรองเพียง 300,000 นาย กฤษฎีกาที่ปธน.ปูตินลงนามมานั้นไม่ได้มีการระบุตัวเลขเฉพาะเจาะจงใด ๆ เลย ขณะที่ สื่อรัสเซียประเมินว่า ตัวเลขที่แท้จริงนั้นอาจสูงถึง 1.2 ล้านคนก็เป็นได้
ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกเครมลิน เปิดเผยเป็นนัย ๆ ว่า มีมาตราหนึ่งของกฤษฎีกาดังกล่าวที่ถูกจัดให้อยู่ในชั้นความลับนั้นระบุจำนวนผู้คนที่ทางการรัสเซียตั้งใจจะเกณฑ์มาร่วมรบไว้ด้วย
ในเบื้องต้น ปธน.ปูติน อธิบายว่า การระดมพลนั้นเป็นการเรียกกำลังพลสำรอง “บางส่วน” และจะเรียกเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์การรบหรือเคยเข้ารับราชการสงครามเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีความพยายามของรัฐบาลที่จะรวบตัวคนที่ไม่มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง และคนที่ไม่ได้มีคุณสมบัติพอเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ มาร่วมรบอยู่ดี
และในวันศุกร์ ปธน.ปูติน กล่าวว่า รัสเซียไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำการขยายวงการโจมตีต่อยูเครน ดังเช่น การยิงถล่มโดยขีปนาวุธเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เพื่อตอบโต้ต่อการโจมตีทำลายสะพานไครเมีย
รัสเซียประกาศย้ายประชาชนออกจากยูเครน
นอกจากนั้น รัสเซียยังสัญญาที่จะจัดหาที่พักโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนจากพื้นที่ในเขตปกครองเคอร์ซอน ของยูเครน ที่กองทัพมอสโกยึดครองอยู่ ซึ่งต้องการอพยพมาอยู่ที่รัสเซีย ซึ่งในประเด็นนี้ รายงานข่าวของ เอพี ชี้ว่า เป็นสัญญาณที่แสดงว่า การที่กองทัพเคียฟเริ่มมีชัยเหนือกองทัพมอสโกในแถบภาคใต้ของยูเครน เป็นสิ่งที่เครมลินกังวลไม่น้อย
ทั้งนี้ รัสเซียอธิบายว่า การเคลื่อนย้ายชาวยูเครนมายังรัสเซีย หรือไปยังพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองอยู่ เป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่ในหลายกรณี เส้นทางดังกล่าวคือ เส้นทางอพยพเท่าที่มีอยู่ให้ประชาชนในอาณาเขตยูเครนที่กองทัพมอสโกยึดครองไว้ สามารถหรือได้รับอนุญาตที่จะเดินทางออกมาได้
นอกจากนั้น ยังมีรายงานที่ระบุว่า มีชาวยูเครนบางส่วนที่ถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ที่ “ค่ายคัดกรอง” ซึ่งมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่อันแสนยากลำบาก ขณะที่ การสืบสวนโดยสำนักข่าว เอพี ยังพบว่า เจ้าหน้าที่รัสเซียได้ส่งตัวเด็ก ๆ ชาวยูเครนนับพันคน โดยหลายคนนั้นเป็นเด็กกำพร้าและบางคนอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ไปให้ชาวรัสเซียเลี้ยงดูแทน
การสั่งเคลื่อนย้ายผู้คนของรัสเซียนี้มีขึ้นขณะที่ กองกำลังยูเครนสามารถรุกคืบเข้าไปในเขตปกครองเคอร์ซอนได้มากขึ้น อย่างช้า ๆ โดยรัฐบาลยูเครนรายงานเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า กองทัพของตนสามารถยึดคืนพื้นที่ที่มีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 75 จุดในเขตปกครองดังกล่าวกลับมาได้แล้วตั้งแต่เดือนกันยายน
รัฐบาลเคียฟ ยังเปิดเผยความสำเร็จของกองทัพตนในเขตปกครองคาร์คิฟ ดอแนตสก์ และลูฮันสก์ ในการยึดคืนพื้นที่ที่รัสเซียควบคุมไว้ก่อนหน้านี้กลับมาได้เช่นกัน
พลเอกวาเลรี ซาลูห์นี ผู้บัญชาการกองกำลังยูเครน ประกาศในวันศุกร์ว่า กองทัพของตนจะประสบความสำเร็จในการ “เอาของ ๆ เราคืนมา” และว่า “จะไม่มีใครและอะไรจะหยุดยั้งเราได้”
รัสเซียยิงขีปนาวุธถล่มต่อเนื่อง
การยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียเข้าใส่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยูเครนยังดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 5
ข้อมูลจากทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ในเช้าวันศุกร์เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า มีพลเรือนอย่างน้อย 9 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 คน โดยเหยื่อนั้นมีทั้งเด็กอายุ 11 ขวบด้วย
รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังรัสเซียยิงขีปนาวุธอย่างน้อย 4 ครั้งเข้าใส่เมืองคาร์คิฟ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของประเทศ โดย นายกเทศมนตรี อิฮอร์ เทเรคอฟ รายงานว่า มีการระเบิดเกิดขึ้น 7 ครั้ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายและจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
นอกจากนั้น รัสเซียยังยิงขีปนาวุธเข้าใส่เมืองซาปอริห์เชีย ในช่วงคืนวันพฤหัสบดีถึงเช้าวันศุกร์ด้วย
- ที่มา: เอพี