ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ธนาคารกลางเมียนมาปฏิเสธข้อมูลรายงานยูเอ็นกรณีการซื้ออาวุธ


แฟ้มภาพ - จนท.กองทัพเมียนมาเข้าร่วมพาเหรดวันกองกำลังติดอาวุธ ในกรุงเนปิดอว์ เมื่อ 27 มีนาคม 2564
แฟ้มภาพ - จนท.กองทัพเมียนมาเข้าร่วมพาเหรดวันกองกำลังติดอาวุธ ในกรุงเนปิดอว์ เมื่อ 27 มีนาคม 2564

ธนาคารกลางของเมียนมาปฏิเสธเนื้อหาในรายงานล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่า รัฐบาลทหารยังคงเข้าถึงแหล่งเงินทุนและอาวุธที่ถูกนำไปใช้ในการต่อสู้ปราบปรามกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ได้อยู่ โดยกล่าวว่า สถาบันการเงินทั้งหลายภายใต้การควบคุมของตนยังคงดำเนินกิจการภายใต้กฎต่าง ๆ เสมอมา

ในแถลงการณ์ที่มีการตีพิมพ์ทางหนังสือพิมพ์รัฐบาลทหารในวันเสาร์ มีการระบุว่า ธนาคารกลางของเมียนมา (the Central Bank of Myanmar) “ขอแสดงการคัดค้านอย่างแข็งขันต่อรายงานของผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติ” และว่า “รายงานของยูเอ็นสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อผลประโยชน์ของพลเรือนชาวเมียนมาและต่อความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมาและประเทศอื่น ๆ”

ทอม แอนดรูวส์ ผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในเมียนมา รายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ขณะที่ ความพยายามของนานาชาติเพื่อโดดเดี่ยวรัฐบาลทหารดูเหมือนจะกระเทือนความสามารถในการซื้ออาวุธทางทหารบ้าง ยังมีการนำเข้าอาวุธ เทคโนโลยีที่ใช้งานได้ในกิจการพลเรือนและทางทหาร อุปกรณ์เพื่อการผลิตและวัสดุอื่น ๆ ในช่วง 12 เดือนที่นับถึงเดือนมีนาคม”

รายงานนี้ระบุว่า เมียนมาได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารในต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงธนาคารในไทยที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดซื้ออาวุธ

ในเวลานี้ กองทัพเมียนมากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เมื่อก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลพลเรือนของนาง ออง ซาน ซู จี เมื่อปี 2021 โดยต้องรับมือกับแรงต้านและความขัดแย้งที่มีความรุนแรงไม่มากแต่เกิดขึ้นในหลายจุด พร้อม ๆ กับต้องพยายามสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจของประเทศที่ยวบหนัก

ที่ผ่านมา ชาติตะวันตกทั้งหลายต่างดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อกองทัพ ธนาคารและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของเมียนมามาโดยตลอด

แต่ธนาคารกลางเมียนมายืนยันว่า ธนาคารท้องถิ่นและระหว่างประเทศที่ยังดำเนินธุรกิจในเมียนมาผ่านขั้นตอนการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะและการประเมินสินทรัพย์และหนี้สิ้น (due diligence) อย่างครบถ้วนเพื่อทำธุรกิจและธุรกรรมต่าง ๆ ได้แล้ว

เนื้อหาในแถลงการณ์ของธนาคารกลางเมียนมายังระบุด้วยว่า “ธุรกรรมทางการเงินทั้งหลายนั้นเป็นเรื่องของการนำเข้าสินค้าจำเป็นและปัจจัยสำคัญพื้นฐานต่าง ๆ สำหรับพลเรือนชาวเมียนมาเท่านั้น เช่น ยาและเวชภัณฑ์ เสบียงด้านเกษตรและปศุสัตว์ ปุ๋ย น้ำมันเพื่อการบริโภคและเชื้อเพลิง”

รายงานของยูเอ็นที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยออกมาระบุว่า การนำเข้าของเมียนมาผ่านสิงคโปร์ตกฮวบจากระดับกว่า 110 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 มาเหลือกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ บริษัทในไทยเข้ามารับผิดชอบส่วนที่หายไปบางส่วนตรงจุดนี้ และทำหน้าที่โอนถ่ายอาวุธและวัสดุต่าง ๆ เป็นมูลค่าถึง 120 ล้านดอลลาร์ให้เมียนมาในปี 2023 ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงกว่าปีก่อนถึงสองเท่า

กระทรวงการต่างประเทศไทยออกแถลงการณ์ในวันพฤหัสบดีว่า สถาบันการเงินและธนาคารของไทยดำเนินงานตามมาตรการต่าง ๆ เหมือนศูนย์กลางการเงินชั้นนำอื่น ๆ พร้อมเสริมว่า รัฐบาลไทยจะตรวจสอบรายงานของผู้รายงานพิเศษขององค์การสหประชาชาติต่อไป

  • ที่มา: รอยเตอร์

กระดานความเห็น

XS
SM
MD
LG