รัฐบาลทหารเมียนมากำลังกวาดจับบรรดาผู้ซื้อขายทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ รวมทั้งนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ให้ชาวต่างชาติ โดยมีการจับกุมไปแล้ว 35 รายในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรักษาเสถียรภาพของเงินจ๊าดที่กำลังมีค่าตกลงอย่างรวดเร็ว
สื่อของทางการเมียนมารายงานว่า ผู้ที่ถูกจับกุมนั้นรวมถึงพลเมืองเมียนมา 5 คนที่ถูกกล่าวหาว่าขายห้องในคอนโดมิเนียมอย่างผิดกฎหมายในประเทศไทย
นอกจากนี้มี 14 คนถูกจับกุมในข้อหาทำให้ค่าเงินตราระหว่างประเทศปั่นป่วน และอีก 21 คนถูกจับกุมจากข้อหาทำให้ราคาทองคำไม่มีเสถียรภาพ ตามรายงานของสื่อเมียนมา
ค่าเงินจ๊าดร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยซื้อขายที่ 4,500 จ๊าดต่อ 1 ดอลลาร์ในตลาดมืด อ้างอิงจากบริษัทแลกเปลี่ยนค่าเงิน 5 แห่ง ซึ่งตามปกติแล้วค่าเงินจ๊าดในตลาดมืดนั้นจะสูงกว่าค่าเงินจ๊าดที่ธนาคารกลางเมียนมากำหนดไว้ที่ระดับ 2,100 จ๊าดต่อ 1 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
สื่อ Global New Light of Myanmar รายงานข่าวการจับกุมในวันอังคาร พร้อมระบุว่า "รัฐบาลกำลังเดินหน้าทำงานเพื่อรักษาเสถียรภาพของประเทศและดำรงไว้ซึ่งกฎหมายต่าง ๆ " และ "องค์กรด้านความมั่นคงได้ใช้มาตรการต่อบรรดานักธุรกิจที่เชื่อว่ามีส่วนชะลอการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ"
เศรษฐกิจของเมียนมาที่เปราะบางมานานหลายทศวรรษ ยิ่งย่ำแย่ลงหลังเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2021 ต่างชาติทะยอยถอนการลงทุนเนื่องจากมาตรการลงโทษจากชาติตะวันตก
อัตราความยากจนของประชากร 55 ล้านคนในเมียนมา เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากระดับ 24.8% เมื่อปี 2017 เป็น 49.7% เมื่อปีที่แล้ว อ้างอิงจากรายงานของโครงการพัฒนาสหประชาชาติ
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government - NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาที่ประกอบด้วยฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหารและอดีตนักการเมืองที่ถูกกองทัพรัฐประหาร เปิดเผยว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้พิมพ์ธนบัตรออกมามากมายนับตั้งแต่ยึดอำนาจ และได้ใช้จ่ายด้านการทหารอย่างมหาศาล ซึ่งยิ่งสุมปัญหาเศรษฐกิจให้แก่เมียนมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมามิได้ตอบกลับเมื่อทางรอยเตอร์ติดต่อไปเพื่อขอสอบถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น