แถลงการณ์ธนาคารกสิกรไทยชี้แจงหลังรายงานกลุ่มจัสติซฟอร์เมียนมา (Justice for Myanmar) กล่าวหาว่าเดินทางไปสำรวจโอกาสการลงทุนในพื้นที่เมืองชเว ก๊กโก ระบุ เดินทางไปก่อนยึดอำนาจหนึ่งปี ย้ำ ยึดมั่นหลักสิทธิมนุษยชนและการคว่ำบาตรตามสากลทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร
รายงานที่เผยแพร่ในวันพุธของจัสติซฟอร์เมียนมา กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจที่ พ.อ.ซอว์ ชิต ตู ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) รวมถึงสมาชิกครอบครัวและนายทหารระดับสูง ซึ่งมีธุรกิจและบุคคลจากมาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ กัมพูชา และฮ่องกงมีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนหนึ่งของรายงานข้างต้นอ้างว่ามีตัวแทนจากธนาคารไทย 4 แห่ง เดินทางไปยังเมืองชเว ก๊กโก เพื่อสำรวจโอกาสการช่วยเหลือทางการเงินให้กับเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ในปี 2020 แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า KNA บรรลุข้อตกลงอะไรกับธนาคารไทยใด ๆ หรือไม่
ในวันศุกร์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร ธ.กสิกรไทย (KBank) ติดต่อวีโอเอไทยทางอีเมล ชี้แจงว่า เรื่องและภาพที่ถูกกล่าวถึงนั้นเป็นภาพของการดูงานเพื่อหาหนทางทำธุรกิจทั่วไปที่เมืองพะอาน เมืองชเว ก๊กโก และด่านชายแดนเมียวดี แม่สอด ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2021 โดยในช่วงเวลานั้น เมืองชเว ก๊กโกถูกโฆษณาว่าเป็นเมืองเทคโนโลยี “สมาร์ทซิตี้”
KBank ระบุว่า ทางธนาคารดำเนินงานในเมียนมาตามหลักการชี้แนะขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน อนุสัญญาหลักขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) มาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการรัฐประหาร รวมถึงหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ ดังปรากฏในหนังสือ KBank Statement on Myanmar Developments ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ธนาคารฯ
“KBank ได้ยึดหลักจรรยาบรรณของธนาคารในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ธนาคารทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่ดี วางตัวเป็นกลางโดยไม่กระทำการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด มุ่งสร้างความเจริญให้สังคมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของธนาคารทั้งในและต่างประเทศ”
“การแอบอ้างรูปดังกล่าวเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและยอมรับไม่ได้” แถลงการณ์ของ KBank ระบุ
ในเอกสาร KBank Statement on Myanmar Developments ระบุว่า นับตั้งแต่ทหารเมียนมาก่อรัฐประหารในปี 2021 ก็ได้ชะลอการตัดสินใจทางธุรกิจหลัก ๆ รวมถึงแผนการลงทุนในเมียนมาไว้ก่อน แต่ยังคงสนับสนุนกิจการที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและชุมชนอยู่
ก่อนหน้านี้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) หนึ่งในธนาคารที่ถูกเอ่ยถึงในรายงาน ชี้แจงว่า “จนถึงปัจจุบัน EXIM BANK ยังไม่มีการสนับสนุนทางการเงินใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว” และ ทางธนาคารมักได้รับเชิญไปร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับการเสริมสร้างโอกาส และการสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการค้าและการลงทุน
ก่อนหน้านี้ วีโอเอไทยติดต่อไปยังอีก 2 ธนาคารอื่นที่ถูกเอ่ยชื่อ แต่ยังไม่ได้รับคำชี้แจงในช่วงที่มีการเผยแพร่ข่าว
อ้างอิงตามรายงานของจัสติซฟอร์เมียนมา และสำนักข่าวรอยเตอร์ โครงการเมืองชเว ก๊กโก เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกองกำลัง KNA และเสอ จื้อเจียง นักธุรกิจชาวจีน ประธานบริษัทหย่าไท่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุป ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและคาสิโนทั้งในกัมพูชาและฟิลิปปินส์ โดยในช่วงแรกนั้นมีการประกาศว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเมืองเทคโนโลยี
แต่ในเวลาต่อมา ชเว ก๊กโก กลายเป็นชุมทางปฏิบัติการผิดกฎหมาย อาทิ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงคนมาเป็นแรงงานบังคับ ธุรกิจคาสิโนและพนันผิดกฎหมายที่มีแก๊งอาชญากรจีนหนุนหลัง โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าโครงการชเว ก๊กโก สร้างรายได้ให้กับ KNA ปีละ 190 ล้านดอลลาร์ (7 พันล้านบาท)
เสอ จื้อเจียง ถูกจับกุมในไทยเมื่อปี 2022 ตามหมายจับตำรวจสากล เพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีน ในความผิดฐานประกอบกิจการพนันผิดกฎหมาย ตามการรายงานของรอยเตอร์
ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซอว์ ชิต ตู ประกาศว่ากลุ่มติดอาวุธ KNA จะเลิกรับเงินเดือนและส่วนแบ่งการสนับสนุนจากกองทัพเมียนมา ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารมีความได้เปรียบและเข้ายึดเมืองเมียวดีได้ แต่ทหารเมียนมาสามารถยึดเมืองคืนในเวลาต่อมา โดยโฆษกกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ที่ต่อต้านรัฐบาลเมียนมา อ้างว่าทหารเมียนมาเข้าถึงพื้นที่ได้ด้วยความช่วยเหลือของ KNA
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก: รอยเตอร์, จัสติซฟอร์เมียนมา
กระดานความเห็น