ธนาคารกรุงเทพชี้แจงกรณีถูกเอ่ยชื่อในรายงานกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหาร จัสติซฟอร์เมียนมา ว่าไปดูงานที่เมืองชเว ก๊กโก ระบุ เป็นการลงพื้นที่ทำความเข้าใจธุรกิจ ซึ่งเกิดก่อนรัฐประหาร ย้ำยึดมั่นหลักจรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจ
รายงานที่เผยแพร่เมื่อ 22 พฤษภาคมของจัสติซฟอร์เมียนมา กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจที่ พ.อ.ซอว์ ชิต ตู ผู้นำกองกำลังแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNA) รวมถึงสมาชิกครอบครัวและนายทหารระดับสูง ซึ่งมีธุรกิจและบุคคลจากมาเลเซีย ไทย สิงคโปร์ กัมพูชา และฮ่องกงมีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนหนึ่งของรายงานข้างต้นอ้างว่ามีตัวแทนจากธนาคารไทย 4 แห่ง เดินทางไปยังเมืองชเว ก๊กโก เพื่อสำรวจโอกาสการช่วยเหลือทางการเงินให้กับเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต ในปี 2563 แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า KNA บรรลุข้อตกลงอะไรกับธนาคารไทยใด ๆ หรือไม่
ในจดหมายที่ส่งให้กับวีโอเอไทย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในวันศุกร์ (31 พฤษภาคม) ระบุว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเกิดก่อนการยึดอำนาจที่มีขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 และเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเดินทางประเมินสถานการณ์บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นจุดการค้าสำคัญระหว่างไทยและเมียนมา เพื่อทำความเข้าใจภาวะเศรษฐกิจของภูมิภาค
“ขอยืนยันว่าธนาคารไม่มีข้อตกลงอย่างเป็นทางการหรือข้อผูกพันใด ๆ รวมถึงมิได้แสดงเจตนาใด ๆ เกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนหรือสนับสนุนโครงการในพื้นที่เมืองชเวโก๊กโก่แต่อย่างใด ดังนั้น การสื่อสารที่ก่อให้เกิดความเข้าใจว่าธนาคารมีส่วนร่วมเกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนหรือสนับสนุนโครงการในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ไม่ใช่ความเป็นจริง”
“ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ขอยืนยันถึงจุดยืนที่มุ่งมั่นสนับสนุนและยึดถือการปฏิบัติตามจรรยาบรรณและจริยธรรมธุรกิจในระดับสูงสุดเป็นสำคัญเป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ ขณะเดียวกันธนาคารยังคงยึดมั่นในแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี มีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติด้านกฎระเบียบต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด” ตอนหนึ่งของจดหมายระบุ
ก่อนหน้านี้ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) ซึ่งถูกเอ่ยชื่อในรายงาน ชี้แจงกับวีโอเอไทยว่า ยังไม่มีการสนับสนุนทางการเงินใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าว
ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ซึ่งถูกเอ่ยชื่อถึงในรายงานเช่นกัน ชี้แจงว่าการเดินทางครั้งนั้นเป็นการดูงานเพื่อหาหนทางทำธุรกิจทั่วไป และย้ำว่าธนาคารยึดมั่นหลักสิทธิมนุษยชนและการคว่ำบาตรตามสากลทั้งก่อนและหลังรัฐประหารในเมียนมา
ก่อนหน้านี้ วีโอเอไทยติดต่อไปยัง 4 ธนาคารที่ถูกเอ่ยชื่อเพื่อขอความเห็น โดยมี EXIM Bank KBank และ ธ.กรุงเทพ ที่ส่งคำชี้แจงกลับมา
อ้างอิงตามรายงานของจัสติซฟอร์เมียนมา และสำนักข่าวรอยเตอร์ โครงการเมืองชเว ก๊กโก เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกองกำลัง KNA และเสอ จื้อเจียง นักธุรกิจชาวจีน ประธานบริษัทหย่าไท่ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง กรุป ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและคาสิโนทั้งในกัมพูชาและฟิลิปปินส์ โดยในช่วงแรกนั้นมีการประกาศว่าพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษและเมืองเทคโนโลยี
แต่ในเวลาต่อมา ชเว ก๊กโก กลายเป็นชุมทางปฏิบัติการผิดกฎหมาย อาทิ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ การหลอกลวงคนมาเป็นแรงงานบังคับ ธุรกิจคาสิโนและพนันผิดกฎหมายที่มีแก๊งอาชญากรจีนหนุนหลัง โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าโครงการชเว ก๊กโก สร้างรายได้ให้กับ KNA ปีละ 190 ล้านดอลลาร์ (7 พันล้านบาท)
เสอ จื้อเจียง ถูกจับกุมในไทยเมื่อปี 2565 ตามหมายจับตำรวจสากล เพื่อส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังจีน ในความผิดฐานประกอบกิจการพนันผิดกฎหมาย ตามการรายงานของรอยเตอร์
ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซอว์ ชิต ตู ประกาศว่ากลุ่มติดอาวุธ KNA จะเลิกรับเงินเดือนและส่วนแบ่งการสนับสนุนจากกองทัพเมียนมา ทำให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารมีความได้เปรียบและเข้ายึดเมืองเมียวดีได้ แต่ทหารเมียนมาสามารถยึดเมืองคืนในเวลาต่อมา โดยโฆษกกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ที่ต่อต้านรัฐบาลเมียนมา อ้างว่าทหารเมียนมาเข้าถึงพื้นที่ได้ด้วยความช่วยเหลือของ KNA
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก: รอยเตอร์, จัสติซฟอร์เมียนมา
กระดานความเห็น