สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency - IEA) ในกรุงปารีสรายงานว่า ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 หลังจำนวนรวมของก๊าซดังกล่าวเพิ่มขึ้น 0.9% ในปีที่แล้ว
การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหินล้วนแต่เป็นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศ และก๊าซนี้ยังผลิตขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตบนโลกและพืชที่ใช้มันในการเจริญเติบโตอีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ดักจับความร้อนและทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่า อุณหภูมิที่สูงอาจทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้าย เช่น ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลและทำให้เกิดพายุมากมาย
นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศมีความกังวลเกี่ยวกับรายงานของ IEA และกล่าวว่า ผู้คนทั่วโลกจะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเพื่อช่วยให้อุณหภูมิของโลกลดลงได้แล้ว
ร็อบ แจ็คสัน (Rob Jackson) ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ระบบโลกที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าวว่า “การปล่อยมลพิษใด ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นแม้เพียง 1% ก็ถือว่าเป็นความล้มเหลว” และกล่าวเสริมว่า แม้แต่การรักษาระดับการปล่อยมลพิษไว้ในระดับเดิมปีต่อปีก็ยังถือเป็นปัญหาด้วย
แจ็คสัน ชี้ด้วยว่า “ปีไหนก็ตามที่มีการปล่อยมลพิษจากถ่านหินที่สูงขึ้นถือเป็นปีที่เลวร้ายต่อสุขภาพของมนุษย์และต่อโลก” เช่นกัน
การใช้พลังงานจากถ่านหินที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการปล่อยมลพิษเพิ่มขึ้น โดยหลายประเทศเปลี่ยนจากการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นถ่านหินเนื่องจากราคาก๊าซสูงขึ้นในปี 2022 เพราะการหยุดซื้อก๊าซจากรัสเซียตามมาตรการลงโทษมอสโกที่ทำการรุกรานยูเครน
นอกจากนี้ การปล่อยมลพิษจากน้ำมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ก็ยังต่ำกว่าปีก่อนที่โควิด-19 จะแพร่ระบาด โดยการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นี้มาจากการที่ผู้คนกลับมาเดินทางโดยเครื่องบินหลังจากที่อยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ในปี 2020 และ 2021
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2022 ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปริมาณก๊าซดังกล่าวยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และว่า ข้อจำกัดของการระบาดใหญ่ในจีน การเพิ่มขึ้นของรถยนต์ไฟฟ้า การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และระบบทำความร้อนแบบใหม่ ล้วนช่วยป้องกันการปล่อยมลพิษไม่ให้เพิ่มสูงขึ้น
ฟาที บีโรล (Fatih Birol) ผู้บริหารระดับสูงของ IEA กล่าวว่า "หากไม่มีพลังงานสะอาด การปล่อยมลพิษก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะสูงขึ้นเกือบสามเท่า"
เขากล่าวอีกว่า การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในปัจจุบันยังคงสูงเกินไป ซึ่งบริษัทน้ำมันหลาย ๆ แห่งก็ทำเงินได้เป็นจำนวนมาก และบริษัทผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลเหล่านี้ก็ต้องมีเริ่ม “รับผิดชอบร่วมกันตามคำมั่นสัญญาที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศ” เสียที
จอห์น สเตอร์แมน (John Sterman) หัวหน้าโครงการ Sloan Sustainability Initiative ที่มหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology กล่าวว่ ายังคงมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศที่ว่านี้ โดยให้คำแนะนำว่า ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต้องหยุดตัดต้นไม้ ช่วยเหลือประชาชนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และช่วยออกค่าใช้จ่ายด้านระบบทำความร้อนแบบใหม่ในบ้าน พร้อมกล่าวว่า พลังงานหมุนเวียนต้องการเงินสนับสนุนจากรัฐบาล และบรรดาธุรกิจต่าง ๆ ที่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ควรต้องยอมรับต้นทุนต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นด้วย
- ที่มา : เอพี