สิงคโปร์เตรียมขึ้น ‘ภาษีคาร์บอน’ ในอัตรา 25 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเกือบ 600 บาทต่อการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์หนึ่งตันออกสู่ชั้นบรรยากาศในอีกสองปีข้างหน้า โดยเพิ่มขึ้นมาห้าเท่าจากอัตราภาษีในปัจจุบัน ตามการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
การขึ้นภาษีคาร์บอนจะช่วยให้สิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีแห่งเอเชีย สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิ (net zero emissions) ให้เป็นศูนย์ได้สำเร็จภายในปี ค.ศ.2050 ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีแผนที่จะขึ้นภาษีคาร์บอนอีกสองครั้งด้วยกัน คือในอัตรา 45 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อคาร์บอนไดออกไซด์หนึ่งตัน ภายในปี ค.ศ.2026 และ ค.ศ.2027 และในอัตรา 50 ถึง 80 ดอลลาร์สิงคโปร์ ภายในปี ค.ศ.2030
ในอีกสองปีข้างหน้า สิงคโปร์ยังจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการธุรกิจซื้อ “คาร์บอนเครดิตสากล” (international carbon credits) เพื่อนำมาชดเชยไม่เกินร้อยละ 5 ของภาษีคาร์บอนที่จะต้องจ่าย โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง (Lawrence Wong) เชื่อว่าจะมีผลกระทบปานกลางต่อบริษัทต่าง ๆ
คาร์บอนเครดิต เป็นเครื่องมือที่ได้รับการรับรองเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยบริษัทต่าง ๆ สามารถซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยการต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของธุรกิจของตน
สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้ริเริ่มคิดราคาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และเริ่มการเก็บภาษีคาร์บอนในปี ค.ศ.2019 โดยภาษีดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับกิจการทุกประเภทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาอย่างน้อย 25,000 ตันต่อปี รวมไปถึงโรงกลั่นน้ำมันและโรงงานผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ โฆษกของบริษัท เอ๊กซ์ซอนโมบิล (ExxonMobil) ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์กล่าวว่า การเก็บภาษีคาร์บอนโดยรัฐบาลจะกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ หันไปลงทุนในการพัฒนาวิจัยเครื่องมือและเทคโนโลยีที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่บรรยากาศของโลก