ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ศาลฮ่องกงตัดสิน นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย ‘มีความผิดในคดีโค่นล้มการปกครอง’


จนท.ตำรวจยืนเฝ้าสถานการณ์หน้าศาลเกาลูนตะวันตก ของฮ่องกง เมื่อ 30 พ.ค. 2567 ก่อนผู้พิพากษาจะตัดสินว่า นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย มีความผิดพยายามโค่นล้มรัฐบาล
จนท.ตำรวจยืนเฝ้าสถานการณ์หน้าศาลเกาลูนตะวันตก ของฮ่องกง เมื่อ 30 พ.ค. 2567 ก่อนผู้พิพากษาจะตัดสินว่า นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย มีความผิดพยายามโค่นล้มรัฐบาล

ศาลสูงสุดของฮ่องกงประกาศคำพิพากษาในคดีสำคัญที่ทางการยื่นฟ้องต่อนักเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยกลุ่มหนึ่ง โดยตัดสินว่า จำเลยเกือบทั้งหมดมีความผิดในข้อหาสมคบคิดเพื่อโค่นล้มอำนาจรัฐบาล

คำพิพากษาที่มีออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ถือเป็นคำตัดสินในคดีที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่จีนประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงเมื่อปี 2020 ท่ามกลางการจับตาดูอย่างใกล้ชิดของนักการทูตชาติต่าง ๆ สื่อต่างประเทศ และองค์กรประชาสังคมทั้งหลาย

ก่อนที่ศาลจะมีคำตัดสินออกมา จำเลย 16 คนจากทั้งหมด 47 คนยืนยันว่าไม่ได้ทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ขณะที่ อีก 31 คน ยอมรับผิดเพื่อหวังจะได้รับโทษสถานเบา โดยกลุ่มหลังนี้มีนักเคลื่อนไหวระดับแนวหน้าเช่น โจชัว หว่อง นักรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย และเบนนี ไท นักวิชาการด้านกฎหมาย รวมทั้ง คลอเดีย โม อดีตนักการเมืองฮ่องกงหัวประชาธิปไตย

ท้ายที่สุด ศาลสั่งยกฟ้องจำเลย 2 คน

การพิพากษาคดีนี้เกิดขึ้น หลังตำรวจฮ่องทำการจับกุมนักเคลื่อนไหวด้านประชาธิปไตยชั้นนำ 47 คนเมื่อกว่า 3 ปีก่อน ขณะที่ ทั้งหมดกำลังร่วมทำการคัดเลือกเบื้องต้นเพื่อหาผู้แทนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฮ่องกงกันอยู่

จำเลยทั้งหมดถูกฟ้องในข้อหา “สมรู้ร่วมคิดเพื่อทำการโค่นล้ม” ภายใต้อำนาจของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งประกาศใช้ในพื้นที่ฮ่องกงในปี 2020 โดยทางการฮ่องกงกล่าวหานักเคลื่อนไหวเหล่านี้ว่า พยายามล้มรัฐบาล แต่จำเลยแย้งว่า พวกตนเพียงพยายามจะเข้าไปเป็นสมาชิกเสียงส่วนใหญ่ในสภาเพื่อใช้อำนาจอันชอบธรรมยับยั้งการตั้งงบรัฐบาลเพื่อหวังบีบให้ผู้บริหารสูงสุดของเกาะแห่งนี้ลาออกจากตำแหน่ง

ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธการขอประกันตัวและถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่การพิจารณาคดีเริ่มต้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2021

ทั้งนี้ การที่ฮ่องกงดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวทั้ง 47 คนที่มีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องประชาธิปไตยทำให้ภาวะการเคลื่อนไหวด้านการเมืองของเกาะนี้ชะงักลงทันที ทั้งยังทำให้ความหวังที่จะส่งเสริมประชาธิปไตยของฮ่องกงดับลงด้วย

อย่างไรก็ดี นักเคลื่อนไหวบางส่วนบอกว่า คำตัดสินของศาลในครั้งนี้ไม่ได้ผิดไปจากที่คาดเลย

แพทริก พูน นักวิจัยเยี่ยมเยือน จากมหาวิทยาลัยโตเกียว บอกกับ วีโอเอ ทางโทรศัพท์ว่า “เราคาดไว้แล้วว่า จำเลยส่วนใหญ่จะถูกตัดสินว่ามีความผิด ขณะที่ ราว 2 คนน่าจะถูกยกฟ้องในข้อหาต่าง ๆ เพราะรัฐบาลต้องการทำให้คนรู้สึกว่า ทางการได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดดีแล้ว และตัดสินคดีในแบบที่เป็นธรรมจริง ๆ”

แต่นักวิเคราะห์บางรายก็ชี้ว่า คำตัดสินของศาลฮ่องกงในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่า การที่ภาคประชาสังคมจะดำเนินกิจกรรมใด ๆ คล้าย ๆ กับการเลือกตั้งผู้แทนเบื้องต้นที่นักเคลื่อนไหวกลุ่มที่ถูกจับไปดำเนินคดีนั้นจะยากยิ่งขึ้นและมีความเสี่ยงอย่างที่สุด

เอริก ไล นักวิจัยจาก Georgetown Center for Asi Law ในสหรัฐฯ บอกกับ วีโอเอ ทางโทรศัพท์ว่า คำตัดสินครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า “การใช้หนทางอันสันติเพื่อกดดันรัฐบาลฮ่องกงอาจกลายมาเป็นการก่ออาชญากรรมได้แล้ว”

ในส่วนของบรรยากาศก่อนศาลจะมีคำตัดสินออกมานั้น ทางการฮ่องกงได้จัดกำลังตำรวจจำนวนมากมาดูแลพื้นที่รอบ ๆ ศาล เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยผู้คนจำนวนไม่น้อย ซึ่งรวมถึงสมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ๆ ของจำเลยทั้งหมดมาเข้าแถวรอฟังคำพิพากษาตั้งแต่เช้าตรู่วันพฤหัสบดี ขณะที่ นักเคลื่อนไหวแนวหน้าบางรายที่ยังไม่ถูกทางการดำเนินคดีก็มาทำการชุมนุมประท้วงย่อยใกล้ ๆ ศาลด้วย

สมาชิกกลุ่ม League of Social Democrats ถือป้ายผ้ายืนประท้วงหน้าศาลฮ่องก เมื่อ 30 พ.ค. ก่อนที่ผู้พิพากษาจะตัดสินคดีโค่นล้มรัฐบาล
สมาชิกกลุ่ม League of Social Democrats ถือป้ายผ้ายืนประท้วงหน้าศาลฮ่องก เมื่อ 30 พ.ค. ก่อนที่ผู้พิพากษาจะตัดสินคดีโค่นล้มรัฐบาล

นอกจากนั้น ตัวแทนทางการทูตจากหลายประเทศ ซึ่งรวมทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ และสหภาพยุโรป รวมทั้ง สื่อต่างประเทศหลายแห่งก็มารอฟังคำตัดสินด้วย

สำหรับนักเคลื่อนไหว 45 คนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในครั้งนี้ ทั้งหมดต้องรอการตัดสินลงโทษขั้นสุดท้ายระหว่างถูกควบคุมตัวต่อไป โดยบทลงโทษสูงสุดนั้นอาจรุนแรงถึงการจำคุกตลอดชีวิต

แพทริก พูน นักวิจัยเยี่ยมเยือน จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ให้ทัศนะกับวีโอเอด้วยว่า อำนาจของกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้งานเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาอาจไม่ช่วยให้นักเคลื่อนไหวหลายสิบคนที่ยอมสารภาพผิดก่อนศาลตัดสิน ซึ่งรวมถึง โจชัว หว่อง และ เบนนี ไท จะมีโอกาสได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเร็วกว่าคนอื่นเลย

พูน กล่าวว่า “ผมไม่คาดว่า จำเลย 45 คนจะได้ถูกลงโทษเป็นระยะสั้น ๆ และบางรายที่เป็นจำเลยหลักนั้น ผมคิดว่า อาจถูกลงโทษเป็นเวลายาวนาน เพื่อให้รัฐบาลได้สร้างบรรยากาศของผลกระทบที่ภาคประชาสังคมฮ่องกงไม่แน่ใจว่าจะพูดหรือทำอะไรได้บ้าง (chilling effect) ต่อไป”

  • ที่มา: วีโอเอ

กระดานความเห็น

เกี่ยวข้อง

XS
SM
MD
LG