ฮ่องกงผ่าน กม. ใหม่ เพิ่มอำนาจ จนท. รัฐปราบคนเห็นต่าง

รัฐสภาฮ่องกงมีมติเอกฉันท์ ผ่านกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในวันอังคาร เพิ่มอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่รัฐในการตีความและปราบปรามผู้เห็นต่าง ซึ่งถูกมองว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือปราบปรามทางการเมืองหลังการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2019

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ‘กฎหมายการพิทักษ์ความมั่นคงแห่งชาติ’ ที่ได้รับการรับรองในการประชุมวาระพิเศษ เพิ่มฐานความผิดที่ให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีกับพลเมืองในหลายข้อหา เช่น สมคบคิดกับต่างชาติเพื่อกระทำผิดกฎหมาย การล้มล้างการปกครอง ก่อความไม่สงบ จารกรรม และเปิดเผยความลับของรัฐ

ตามกฎหมายนี้ ข้อหาที่มีบทลงโทษหนักที่สุด คือ ข้อหาเป็นกบฏและก่อความไม่สงบ โดยมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนความผิดอื่น ๆ เช่น ครอบครองเอกสารที่มีใจความยุยงปลุกปั่นอาจมีโทษจำคุกได้หลายปี นอกจากนั้น เนื้อหาในกฎหมายยังอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีผู้กระทำความผิดที่กระทำทั้งในและนอกฮ่องกง

กฎหมายที่ผ่านการรับรองใหม่นี้ เป็นคนละชุดกับกฎหมายความมั่นคงที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งบังคับใช้เมื่อปี 2020 โดยสภานิติบัญญัติแห่งฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสมาชิกจนมีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลจีนเป็นจำนวนมาก ได้ผ่านกฎหมายฉบับดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่มีการเปิดเผยตัวร่างกฎหมายนี้เมื่อ 8 มีนาคม คณะกรรมาธิการจัดประชุมรายวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะส่งให้กับผู้นำของฮ่องกง จอห์น ลี เพื่อนำเข้าพิจารณา โดย ลี กล่าวว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันเสาร์

กฎหมายการพิทักษ์ความมั่นคงได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อเสรีภาพของพลเมือง ที่รัฐบาลปักกิ่งประกันว่าจะรักษาไว้เป็นเวลา 50 ปี หลังรับมอบเกาะฮ่องกงจากอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมเดิมเมื่อปี 1997

โวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ในวันอังคาร แสดงความกังวลถึงการเร่งรัดผ่านกฎหมายดังกล่าว ท่ามกลางข้อกังวลถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนในฮ่องกงที่จะตามมา

จอห์น เบิร์นส ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ด้านการเมืองและบริหารรัฐกิจจาก University of Hong Kong กล่าวว่า มติของสภา สะท้อนถึง “ระบบความรับผิดรับชอบที่ชำรุดและอ่อนแอมาตั้งแต่ตอนออกแบบ” ของเกาะฮ่องกง

เบิร์นสกล่าวว่า แม้กฎหมายนี้จะได้รับการแก้ไขในสภา แต่ก็มีสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนที่อภิปรายสนับสนุนการเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่รัฐ และเพิ่มโทษในหลายฐานความผิดเกี่ยวกับภัยความมั่นคงแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามนั้น

ไซมอน ยัง ศาสตราจารย์จากคณะนิติศาสตร์ แห่ง University of Hong Kong เช่นเดียวกัน กล่าวว่า การที่ร่างกฎหมายมีการหารือและแก้ไขในรายละเอียด สะท้อนว่า สภานิติบัญญัติไม่ได้เป็น ‘สภาตรายาง’ แต่สิ่งที่ต่างออกไปในครั้งนี้ก็คือ สภาไม่ได้ขอความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

ภูมิทัศน์ทางการเมืองในเกาะฮ่องกงเปลี่ยนไปอย่างมากหลังการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2019 ท้าทายการอำนาจการปกครองของจีนที่พยายามออกกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ การปราบปรามของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึง การดำเนินคดีนักกิจกรรมและสื่อมวลชน ทำให้มีนักรณรงค์รวมถึงคนรุ่นใหม่และครอบครัวชนชั้นกลาง ลี้ภัยและอพยพไปอยู่ต่างแดน เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา และไต้หวัน

ที่มา: เอพี