เมื่อวันพุธ สำนักข่าว Stand News ซึ่งเป็นสื่อฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกง ปิดตัวลงหลังตำรวจบุกสำนักงาน ยึดทรัพย์สินและจับกุมพนักงานอาวุโส ด้วยการตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาอาจ “ผลิตสิ่งพิมพ์ที่ปลุกระดม” ซึ่งถือเป็นเหตุปราบปรามสื่อครั้งล่าสุดของฮ่องกง ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เกิดความกังวลต่อเสรีภาพสื่อในฮ่องกงมากขึ้น ทั้งนี้ ฮ่องกงเคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษก่อนถูกส่งคืนให้จีนในปีค.ศ. 1997 บนพื้นฐานว่า เสรีภาพของฮ่องกง รวมทั้งเสรีภาพสื่อ จะได้รับการคุ้มครอง
เยอรมนีและสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHR ตำหนิเหตุบุกสำนักงานสื่อดังกล่าว โดยระบุว่า ทาง UNHR รู้สึกตระหนกต่อการปิดตัวอย่างรวดเร็วของพื้นที่ที่เปิดให้ภาคประชาสังคมของฮ่องกงแสดงออกอย่างเสรี
ทั้งนี้ สำนักข่าว Stand News ก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 2014 โดยเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร สำนักข่าวแห่งนี้เป็นสื่อฝ่ายประชาธิปไตยสื่อหลักที่ยังคงเหลืออยู่ในฮ่องกง หลังจากปีที่แล้วมีการปิดสื่อแท็บลอยด์ Apple Daily ของจิมมี ไล นักธุรกิจและนักเคลื่อนไหวที่ถูกจำคุก
ข้อหาปลุกระดมที่ทาง Stand News เผชิญนี้ ไม่ได้เป็นหนึ่งในข้อหาที่อยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเป็นกฎหมายจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่บังคับใช่ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว กฎหมายดังกล่าวกำหนดโทษของการก่อการร้าย การสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติ การเป็นบ่อนทำลาย และการแบ่งแยกดินแดน โดยผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาล่าสุดของศาลได้อนุญาตให้ทางการฮ่องกงใช้อำนาจภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินี้ ใช้บังคับกฎหมายในยุคอาณานิคมได้ ซึ่งครอบคลุมถึงการปลุกระดมด้วย
สตีฟ ลี หัวหน้าตำรวจแผนกความมั่นคงแห่งชาติ ระบุว่า สำนักข่าว Stand News เผยแพร่ข่าวและบทความเห็นที่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชังต่อทางการฮ่องกง เขาระบุว่า บทความบางส่วนระบุว่า ผู้ประท้วงหายตัวไปในช่วงการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปีค.ศ. 2019 หรือถูกคุกคามทางเพศ โดยเขาระบุว่า บทความดังกล่าว “ไม่มีมูลตามความจริง” และ “มุ่งร้าย”
ลียังระบุด้วยว่า บทความบางส่วนอ้างว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนขยายอำนาจมายังศาลอิสระของฮ่องกง หรือเรียกร้องต่างชาติออกมตารการลงโทษฮ่องกง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ระบุว่าบทความใดที่กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว และสำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่ได้ตรวจสอบบทความจากสื่อ Stand News โดยทันที
นายตำรวจผู้นี้ระบุว่า ตำรวจยึดสินทรัพย์มูลค่า 7.82 ล้านดออลาร์ พร้อมคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอุปกรณ์ทำข่าว และระบุว่าอาจมีการจับกุมเพิ่มเติมได้ แต่ก็ย้ำว่า ตำรวจไมได้พุ่งเป้าไปที่ผู้สื่อข่าว แต่พุ่งเป้าไปที่ผู้ละเมิดกฎหมายความมั่นคง ทั้งนี้ มีชายสามคนและหญิงสี่คน อายุตั้งแต่ 34-73 ปี ถูกจับกุมด้วยข้อหาต้องสงสัยว่า “สมรู้ร่วมคิดในการตีพิมพ์สื่อสิ่งพิมพ์ที่ปลุกปั่น” จากการบุกสำนักงานครั้งนี้
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์