ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.เควิน แมคคาร์ธี บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับการปรับขึ้นเพดานการกู้ยืมของรัฐบาลอเมริกัน และสามารถหลีกเลี่ยงภาวะการผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกันไปได้อย่างหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลที่รออยู่ข้างหน้าอีกมาก ทั้งกรอบเวลาการพิจารณาและลงมติจากทั้งสองสภาที่กระชั้นชิดเข้ามา และเงื่อนไขรายละเอียดที่ยังไม่ได้ข้อสรุป
สหรัฐฯ และทั่วโลกหายใจโล่งไปหนึ่งเปราะ หลังจากเมื่อวันเสาร์ ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ และประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงในหลักการการปรับขึ้นเพดานหนี้ภาครัฐไปได้
ทั้งประธานาธิบดีไบเดน และประธานสภาฯ แมคคาร์ธี เริ่มต้นการหารือกันตั้งแต่ 16 พฤษภาคมและยืดเยื้ออย่างไร้ข้อสรุปกันมาหลายสัปดาห์ จนกระทั่งทั้งคู่ต่อสายตรงคุยกันเป็นเวลา 90 นาทีเมื่อค่ำวันเสาร์เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อตกลงเพดานหนี้จนได้ข้อสรุปในหลักการ ตามรายงานของรอยเตอร์
แถลงการณ์ค่ำวันเสาร์ของปธน.ไบเดน ระบุว่า “ข้อตกลงนี้แสดงถึงการประนีประนอม นั่นหมายถึงไม่ใช่ทุกคนจะได้สิ่งที่ต้องการ นั่นคือความรับผิดชอบในการบริหารประเทศ” และเรียกข้อตกลงนี้ว่า “เป็นก้าวสำคัญในการลดการใช้จ่ายภาครัฐระหว่างที่ปกป้องโครงการสำคัญสำหรับชนชั้นแรงงานอเมริกันและเศรษฐกิจที่เติบโตสำหรับทุกคน” พร้อมกับระบุว่าข้อตกลงนี้เป็น “ข่าวดีสำหรับชาวอเมริกัน เพราะมันได้ป้องกันสิ่งที่จะเป็นการผิดนัดชำระหนี้อันหายนะและอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย”
ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ส.ส.แมคคาร์ธี กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า “มีการลดลงของการใช้จ่ายภาครัฐเป็นประวัติการณ์ และมีการปฏิรูปที่จะดึงผู้คนออกจากความยากจนและเข้าสู่ตลาดแรงงาน เข้ามาจัดการการควบคุมของภาครัฐ ไม่มีการขึ้นภาษีครั้งใหม่ ไม่มีโครงการภาครัฐใหม่ออกมา”
ระหว่างที่รายละเอียดของข้อตกลงยังไม่มีรายละเอียดออกมาชัดเจน ทั้งสองฝ่ายจะยังสามารถกุมชัยชนะได้ในบางจุด แต่นักการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมแสดงความกังวลก่อนหน้านี้ว่าข้อตกลงเพดานหนี้สหรัฐฯ ไม่ได้แก้ปมการขาดดุลงบประมาณได้มากพอ ขณะที่ฝั่งเดโมแครตกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของโครงการบางอย่าง เช่น โครงการความช่วยเหลือด้านอาหาร
สำนักข่าวเอพี มีรายละเอียดว่าอะไรที่ได้ไปต่อและต้องพอแค่นี้ในข้อตกลงเพดานหนี้สหรัฐฯ
ขยายเพดานหนี้ในระยะ 2 ปี – จำกัดงบประมาณที่ไม่ใช่กลาโหม
ข้อตกลงล่าสุดนี้จะตรึงงบประมาณที่ไม่ใช่งบกลาโหมไว้แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงในปีงบประมาณ 2024 ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีนี้ และเพิ่มขึ้นราว 1% ในปีงบประมาณ 2025 ที่จะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมปีหน้า เช่นเดียวกับการปรับขึ้นเพดานหนี้ในระยะเวลา 2 ปีงบประมาณ ซึ่งจะครอบคลุมช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า อ้างอิงจากข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งเปิดเผยข้อมูลนี้กับเอพี
การดูแลทหารผ่านศึก
ข้อตกลงดังกล่าวจะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับทหารผ่านศึกทั้งหมดในระดับที่ประธานาธิบดีไบเดน ได้เสนอไว้ในร่างงบประมาณปี 2024 ซึ่งรวมเอางบที่ให้แก่ทหารผ่านศึกที่ได้รับสารพิษหรือได้รับผลกระทบที่เป็นอันตรายด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ โดยปธน.ไบเดนต้องการงบประมาณราว 20,300 ล้านดอลลาร์ในส่วนนี้
เพิ่มเงื่อนไขการทำงานของผู้ขอสวัสดิการความช่วยเหลือจากรัฐบาล
ฝั่งรีพับลิกันเสนอให้มีการเพิ่มเงื่อนไขการทำงาน สำหรับชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ที่สามารถทำงานได้และไม่มีผู้ที่ต้องคอยดูแล ในโครงการสวัสดิการความช่วยเหลือจากรัฐบาลบางโครงการ โดยรีพับลิกันเห็นว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงคนกลับเข้ามาในตลาดแรงงานอเมริกันมากขึ้น และจะเสียภาษีและสนับสนุนเงินให้แก่บางโครงการ อย่างเช่นประกันสังคมและประกันสุขภาพ Medicare
แต่ฝั่งเดโมแครตวิจารณ์การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่าจะทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติในการรับสวัสดิการด้านสุขภาพและอาหารน้อยลง ในขณะที่มาตรการนี้ไม่ได้เพิ่มกำลังแรงงานในตลาดได้จริง
ส.ส.รีพับลิกันได้ผ่านร่างกฎหมายที่จะเพิ่มเงื่อนไขการทำงานสำหรับผู้รับสวัสดิการประกันสุขภาพผู้มีรายได้ต่ำ (Medicaid) แต่เงื่อนไขนี้ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเพดานหนี้ขั้นสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเพดานหนี้จะขยายกรอบเงื่อนไขการทำงานสำหรับโครงการความช่วยเหลือด้านอาหารให้แก่คนรายได้ต่ำ (Supplemental Nutrition Assistance Program - SNAP) ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่าโครงการ food stamp
ข้อตกลงล่าสุดนี้ จะเพิ่มกรอบอายุของผู้รับสวัสดิการที่ต้องทำงานจาก 49 ปี เป็น 54 ปี ซึ่งคล้ายกับข้อเสนอของพรรครีพับลิกัน แต่เงื่อนไขเหล่านี้จะหมดอายุในปี 2030 และทำเนียบขาวระบุว่าจะลดจำนวนของผู้ที่เข้าข่ายได้รับสวัสดิการในทุกช่วงอายุ
เดินหน้าโครงการด้านพลังงานเต็มสูบ
ข้อตกลงเพดานหนี้ได้ระบุการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ National Environmental Policy Act ที่จะแต่งตั้ง “หน่วยงานเดียว” ในการดูแลและทบทวนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
การยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
พรรครีพับลิกันพยายามจะล้มเลิกความพยายามของปธน.ไบเดนในการยกเลิกหนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษามากถึง 10,000 – 20,000 ดอลลาร์ ให้กับผู้กู้ยืมเกือบทุกคน แต่โครงการยกเลิกหนี้ดังกล่าวยังคงได้ไปต่อในข้อตกลงด้านงบประมาณนี้ แม้ว่าศาลสูงจะต้องเป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องนี้ในท้ายที่สุดก็ตาม
ทั้งนี้ การเจรจายังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายในการกำหนดรายละเอียดของร่างกฎหมายเพดานหนี้ล่าสุดนี้ ซึ่งทางส.ส.แมคคาร์ธี ระบุว่าทางสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะลงมติกันในวันพุธที่ 31 พฤษภาคมนี้ และให้เวลาทางวุฒิสภาพิจารณาอีกทอดหนึ่งก่อนถึงวันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งจะเป็นเส้นตายที่จะทำให้สหรัฐฯ รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
- ที่มา: เอพีและรอยเตอร์