ในเวลานี้ ยูเครนยังคงเฝ้ารอการมาถึงของเครื่องบินรบเอฟ-16 ที่พันธมิตรชาติตะวันตกสัญญาว่าจะส่งมอบให้อยู่ และผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ ก็ลองตรวจสอบดูว่า ยุทโธปกรณ์อากาศยานนี้จะมีประสิทธิภาพมากพอเพียงใดในการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย
วีโอเอ ได้พูดคุยกับ นาวาตรีแดน แฮมป์ตัน อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่รับใช้ชาติมา 20 ปีและได้ลองทดสอบการบินเครื่องเอฟ-16 สำหรับปฏิบัติการโจมตีแล้ว 151 ครั้งแล้ว บอกว่า แม้กรุงเคียฟจะได้รับเครื่องเอฟ-16 รุ่นเก่า กองทัพอากาศยูเครนก็น่าจะได้เปรียบเหนือรัสเซียในสนามรบอยู่ดี
นาวาตรีแฮมป์ตันกล่าวว่า ข้อดีอย่างหนึ่งของเครื่องบินรุ่นนี้ก็คือ โอกาสอัพเกรดที่ทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์อากาศยาน ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเรดาร์ชั้นสูงล้ำสมัย เพราะเครื่องบินที่รัสเซียพัฒนาและประกอบไม่มีความสามารถเช่นนั้น และหากนักบินจากชาติตะวันตกหรือนักบินที่ได้รับการฝึกอบรมจากชาติตะวันตกเป็นผู้ขับ การใช้เครื่องเอฟ-16 ยิ่งจะเป็นประโยชน์มากขึ้นไปอีก เพราะเทคนิคการบินไม่เหมือนแบบของรัสเซียเลย
อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ผู้นี้สนับสนุนให้กรุงวอชิงตันส่งเครื่องบินเอฟ-16 ไปให้ยูเครนตั้งแต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2022 และรู้สึกผิดหวังที่รัฐบาลใช้เวลานานมากกว่าจะอนุมัติให้พันธมิตรชาติตะวันตกนำส่งเครื่องบินรุ่นดังกล่าวให้กรุงเคียฟ
ส่วนฟิลิป บรีดเลิฟ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสูงขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ระหว่างปี 2013 และ 2016 ทั้งยังเป็นอดีตนักบินเครื่องเอฟ-16 ด้วย กล่าวว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวน่าจะช่วยยูเครนดำเนินปฏิบัติการภาคพื้นดินได้อย่างดีด้วย
บรีดเลิฟกล่าวว่า ข้อดีของเครื่องบินที่มีความสามารถหลากหลายนี้ก็คือว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เอฟ-16นั้นทำให้กองทัพมีความสามารถในการรบทางอากาศเหนือคู่ต่อสู้ได้จริง ทำให้เหล่าทหารทำสงครามภายใต้ปรัชญาการรบที่มุ่งให้ได้ชัยอย่างรวดเร็วด้วยการเจาะระบบป้องกันของข้าศึก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความได้เปรียบในการต่อสู้ทางอากาศอย่างมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องบินเอฟ-16 มีอยู่และจะสามารถทำหน้าที่สนับสนุนการรบภาคพื้นดินได้อย่างดีเยี่ยม
ขณะเดียวกัน กุสตาฟ เกรสเซล ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากออสเตรีย ให้ความเห็นว่า การที่รัสเซียทำการระดมโจมตีทางอากาศเข้าใส่เมืองต่าง ๆ ของยูเครนในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของยูเครนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก และสงครามที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีนี้ยิ่งทำให้เห็นว่า เครื่องบินรบจากชาติตะวันตกนั้นมีความสำคัญมากเพียงใดสำหรับยูเครน
เกรสเซลกล่าวด้วยว่า ปัญหาของเครื่องบินรบที่ยูเครนมีอยู่ ซึ่งก็คือ รุ่น Su-27 และ MiG-29 ไม่ใช่เรื่องของตัวเครื่องเสียทีเดียว แต่เป็นประเด็นอาวุธยุทธภัณฑ์มากกว่า เพราะทั้งจรวดและขีปนาวุธที่ใช้กับเครื่องบินเหล่านั้นผลิตในรัสเซีย ซึ่งแปลว่า เป็นของหายากมากในเวลานี้ ดังนั้น ถ้ายูเครนจะใช้เครื่องบินรบในการสกัดการโจมตีทางอากาศจากรัสเซีย การใช้เครื่องบินรบจากชาติตะวันตกเพื่อยิงขีปนาวุธที่ผลิตโดยตะวันตกก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนั้น นาวาตรีแฮมป์ตัน กล่าวเสริมว่า การที่จะรับมือกับการโจมตีจากรัสเซียอย่างมีประสิทธิภาพได้ ยูเครนควรจะต้องมีเครื่องบินเอฟ-16 ราว 36-40 ลำไว้ในฝูงบินของตน โดยที่ผ่านมา รัฐบาลชาติตะวันตกต่าง ๆ ร่วมกันสัญญาจะมอบเครื่องบินรุ่นนี้เป็นจำนวนประมาณ 60 ลำให้กับกรุงเคียฟ แต่เพราะเครื่องเอฟ-16 มีประวัติการใช้งานที่ไว้ใจได้อย่างมาก ยูเครนไม่จำเป็นต้องมีกองบินสำหรับเครื่องบินรุ่นนี้ที่ใหญ่มากก็ได้
อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า สมมติว่า ยูเครนมีกองบินเครื่องเอฟ-16 จำนวน 40 ลำ ก็ไม่จำเป็นต้องนำทุกเครื่องขึ้นบิน แต่ใช้เพียง 30 ลำก็พอ และนำเครื่องที่เหลือไปทำการบำรุงรักษาหรืออัพเกรดหากมีอะไรเสียหายหรือต้องซ่อมแซม นอกจากนั้น เครื่องบินเอฟ-16 ยังเป็นเครื่องบินที่วางใจได้อย่างมากด้วยเพราะมี Mission Capable Rate หรือ อัตราความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ ที่สูงมากกว่าเครื่องบินรุ่นอื่น ๆ
วีโอเอได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่กองทัพชาติตะวันตกหลายรายที่บอกว่า ยูเครนส่งนักบินของตนเข้ารับการฝึกอบรมการขับเครื่องเอฟ-16 อยู่ในเวลานี้ที่เดนมารก์และอังกฤษ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า นักบินกองทัพยูเครนเหล่านี้จะพร้อมปฏิบัติหน้าที่ด้วยเครื่องบินรุ่นนี้เมื่อใด และยังไม่มีใครทราบด้วยว่า ในที่สุด กรุงเคียฟจะได้รับเครื่องเอฟ-16 เมื่อใดด้วย
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น