เมื่อวันอังคาร ดร. ฮานส์ คลูจ ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO เตือนว่า “พายุลูกใหม่” กำลังจะมา จากยอดผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้นทั่วยุโรป
ดร. คลูจ ระบุว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดหนักในประเทศต่างๆ เช่น อังกฤษ เดนมาร์ก และโปรตุเกส จะระบาดหนักในประเทศอื่น ๆ อีกในไม่กี่สัปดาห์นี้ และทำให้ระบบสาธารณสุขเผชิญความท้าทายยิ่งกว่าเดิม
เขาเตือนให้ประชาชนในทวีปยุโรปที่ฉีดวัคซีนครบแล้วให้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ด้วย โดยระบุว่า วัคซีนเข็มบูสตอร์นี้เป็นสิ่งเดียวทีจะรับมือกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการสวมหน้ากากและการรักษาระยะห่างทางสังคม
WHO ยุโรป เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ทวีปยุโรปอาจมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 700,000 คนภายในกลางปีหน้า
ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจากในประเทศเป็นรายแรก โดยทางการนครโอซาการะบุว่า ครอบครัวที่มีสมาชิกสามคน ที่ไม่มีประวัติเดินทางออกนอกประเทศ ถูกตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว
และเมื่อวันอังคาร ไทยกลับมากำหนดให้ผู้เดินทางชาวต่างชาติต้องกักตัวอีกครั้ง หลังไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจากภายในประเทศเป็นรายแรก การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการยกเลิกนโยบาย “เทสต์ แอนด์ โก” ที่ใช้เมื่อเดือนที่แล้ว โดยนโยบายดังกล่าวอนุญาตให้ผู้เดินทางเข้าประเทศที่ฉีดวัคซีนครบ สามารถเดินทางเข้าประเทศได้อย่างอิสระหลังเข้ารับการตรวจหาเชื้อหลังเดินทางเข้าประเทศ และตรวจหาเชื้อครั้งที่สองหลังเข้าประเทศแล้วเจ็ดวัน
นอกจากนี้ ไทยยังระงับโครงการแซนด์บอกซ์ ซึ่งกำหนดให้นักท่องเที่ยวสามารถอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ ก่อนจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ ในประเทศได้
ทั้งนี้ ไทยใช้นโยบายต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโรคโควิด-19