สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) นายเทดรอส อดานอม เกเบรเยซุส กล่าวเตือนในวันพุธว่า โครงการฉีดวัคซีนบูสเตอร์แบบหว่านแหในประเทศร่ำรวยต่าง ๆ อาจสร้างความเสี่ยงให้การระบาดของโควิด-19 ยืดเยื้อออกไปในระยะยาว
นายเทดรอส กล่าวว่า ภารกิจสำคัญอันดับแรกคือการลดอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 และช่วยให้ทุกประเทศสามารถทำได้ตามเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในประเทศตนเสียก่อน
ผอ. WHO ระบุว่า "ผู้ที่มีอาการป่วยรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลและผู้ที่เสียชีวิตจากโควิด-19 ส่วนใหญ่คือคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ไม่ใช่คนที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มบูสเตอร์" และว่า "ไม่มีประเทศไหนสามารถระดมฉีดวัคซีนบูสเตอร์จนหลุดพ้นจากการระบาดครั้งนี้ได้"
นายเทดรอส กล่าวด้วยว่า แม้วัคซีนได้ช่วยรักษาชีวิตของผู้คนจำนวนมากได้ในปีนี้ แต่การกระจายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโควิดจำนวนมากเช่นกัน พร้อมเตือนให้ระวังเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศด้วย
ก่อนหน้านี้ ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้เรียกร้องให้ระงับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงไว้ก่อนจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อให้สามารถกระจายวัคซีนให้แก่ประเทศต่าง ๆ ได้อย่างทั่วถึง พร้อมระบุว่า 20% ของวัคซีนโควิดที่แจกจ่ายกันอยู่ทุกวันนี้เป็นเข็มบูสเตอร์
"การฉีดวัคซีนบูสเตอร์แบบหว่านแหจะยิ่งทำให้การระบาดยืดเยื้อออกไป เพราะเป็นการนำวัคซีนไปให้กับประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงอยู่แล้ว (แทนที่จะเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ) ซึ่งยิ่งทำให้เชื้อไวรัสมีโอกาสแพร่กระจายและกลายพันธุ์ได้มากยิ่งขึ้น" นายเทดรอสกล่าว
ผอ. WHO ระบุว่า จนถึงขณะนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในแอฟริการาว 75% ยังไม่ได้รับวัคซีนโควิด และประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกอีกราวครึ่งหนึ่งยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนของตนได้ถึง 40% ภายในสิ้นปีนี้
- ที่มา: สำนักข่าวเอพี