หลังจากที่โจ ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ต่อจากโดนัลด์ ทรัมป์ การระบาดของโคโรนาไวรัสในอเมริกาดำเนินต่อไป และยังเป็นปัญหาต่อรัฐบาลของเขา
ยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 800,000 รายเเล้ว โดยในจำนวนดังกล่าว กว่า 300,000 รายเสียชีวิตในช่วงการบริหารประเทศของไบเดน
แม้ว่า ภายใต้รัฐบาลไบเดน สหรัฐฯ มีวัคซีนแจกจ่ายประชาชนอย่างเเพร่หลาย เเต่ก็มีปัจจัยต่างๆ เช่นประเด็นการเมือง การเเพร่ข่าวบิดเบือนเรื่องวัคซีนและการกลายพันธุ์ของไวรัส ที่ท้าทายการทำงานของรัฐบาลของเขา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หนึ่งในผลงานสำคัญของประธานาธิบดีไบเดนเรื่องโควิด-19 คือการผลักดันมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโคโรนาไวรัส ด้วยงบประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตามความพยายามของรัฐบาลในการเพิ่มจำนวนการฉีดวัคซีนทำได้อย่างจำกัด และอัตราการเสียชีวิตของคนอเมริกันจากโควิด-19 ต่อประชากรทั้งหมดถือว่าสูงสุดในกลุ่มประเทศพัฒนาเเล้วที่เป็นสมาชิกกลุ่มจี 7
ในปัจจุบัน ชาวอเมริกันฉีดวัคซีนต้านโคโรนาไวรัสครบโดสเเเล้วในสัดส่วนร้อยละ 65.2 ของประชากรทั้งหมด ในบางรัฐที่มีเเรงต้านเรื่องการฉีดวัคซีน ที่มักมาจากพรรครีพับลิกัน ทำให้รัฐบางเเห่งมีสัดส่วนประชากรที่ฉีดวัคซีนต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง
และปัจจุบันชาวอเมริกันไม่ถึงร้อยละ 30 ที่ได้รับเข็มกระตุ้นภูมิไปเเล้ว
นอกจากเรื่องวัคซีนเเล้ว การสวมหน้ากาก และการตรวจหาเชื้อถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่งในมุมมองของผู้เชื่ยวชาญด้านสาธารณสุข
รองศาสตราตารย์สาขาระบาดวิทยา เกรกก์ กอนซาลเวส จากมหาวิทยาลัยเยลกล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดน ควรเเสดงออกอย่างเเข็งขันว่าขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินเเละกระตุ้นในคนยอมเสียสละ เช่นยอมสวมหน้ากากในสถานที่เสี่ยงเเพร่เชื้อ
ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวในเดือนนี้ว่า รัฐบาลจะออกฎให้บริษัทประกันสุขภาพเอกชนออกค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าที่ซื้อชุดตรวจโควิดมาตรวจที่บ้าน
นอกจากนั้นจะมีการเเจกจ่ายชุดตรวจสู่เขตชนบทของสหรัฐฯและศูนย์อนามัยสำหรับประชากรที่ไม่มีประกันสุขภาพ
อย่างไรก็ตามเกิดการขาดเเคลนชุดตรวจโคโรนาไวรัสในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ บริษัทและองค์กรต่างๆ ต้องการใช้ชุดตรวจโควิดสำหรับพนักงานที่กลับมาทำงานที่ตึกสำนักงานเดิม หลังจากที่ทำงานจากบ้านก่อนหน้านั้น
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบอกกับรอยเตอร์ว่า กำลังเร่งทำงานกับหน่วยงานหลายฝ่ายเพื่อเพิ่มปริมาณชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับประชาชน
รอยเตอร์ยังได้สัมภาษณ์ ทอม ฟรีดเเมน อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือซีดีซี
เขากล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องส่งเสริมมาตรการใส่หน้ากากอนามัย และช่วยประชาชนในเรื่องราคาของสินค้าประเภทนี้ด้วย
และหากพิจารณาถึงการเเพร่ของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในตอนนี้ สหรัฐฯ ก็เผชิญเเรงกดดันมากขึ้นให้สนใจการเพิ่มความช่วยเหลือต่างประเทศเช่นกัน
โดยในเรื่องนี้ อาจารย์ กอนซาลเวส จากมหาิทยาลัยเยลกล่าวว่าโอมิครอน เกิดขึ้นในต่างประเทศและการเรียกร้องเกิดขึ้นมาตลอดให้สหรัฐฯ ทำงานมากขึ้นในการต่อสู้กับโควิด-19 ในต่างประเทศด้วย
ที่มา: สำนักข่าวรอยเตอร์