ทำเนียบขาวแสดงความพร้อมที่จะเจรจากับเครมลินโดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขใด ๆ เพื่อจะได้หารือประเด็นกรอบการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ แม้สหรัฐฯ จะเดินหน้าออกมาตรการตอบโต้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินที่ประกาศระงับการบังคับใช้สนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างสองประเทศไปก็ตาม
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุระหว่างร่วมงานประชุมประจำปีของ Arms Control Association ในกรุงวอชิงตันในวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ ต้องการจะจัดตั้งกรอบการทำงานด้านการลดอาวุธนิวเคลียร์ก่อนที่สนธิสัญญาฉบับสุดท้ายระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียจะหมดอายุลง ตามรายงานของนิตยสารไทม์ (Time)
คำยืนยันของซัลลิแวนนี้มีออกมา หลังปธน.ปูตินประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ว่า ตนจะสั่งระงับความร่วมมือด้านการตรวจสอบขีปนาวุธและหัวรบนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญา New START ขณะที่ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจนั้นตึงเครียดขึ้น จากกรณีที่มอสโกส่งกองทัพรุกรานยูเครน
อย่างไรก็ดี ในการประกาศครั้งนั้น ผู้นำรัสเซียระบุว่า มอสโกจะยังคงปฏิบัติตามเงื่อนไขการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญานี้ต่อไป
แหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวตน บอกกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยินดีที่จะทำตามเงื่อนไขการจำกัดหัวรบนิวเคลียร์ จนกว่าสนธิสัญญานี้จะหมดอายุลงเช่นกัน
SEE ALSO: สภารัสเซียอนุมัติ ต่อเวลาสนธิสัญญาลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี การประเมินรายละเอียดของกรอบการทำงานที่ว่าหลังสนธิสัญญานี้หมดอายุลงในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2026 เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนไม่น้อย เนื่องจากความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย และเพราะความสามารถด้านนิวเคลียร์ของจีนที่เพิ่มสูงขึ้น
รายงานการสำรวจประจำปีโดย Federation of American Scientists ประเมินว่า ในเวลานี้ จีนน่าจะมีหัวรบนิวเคลียร์อยู่ราว 410 หัว ขณะที่ เพนตากอน เคยประเมินไว้เมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้วว่า หัวรบนิวเคลียร์ของจีนน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 หัวภายในสิ้นทศวรรษนี้ และเพิ่มเป็น 1,500 หัวภายในปี ค.ศ. 2035
ในส่วนของทำเนียบขาวที่แสดงจุดยืนเรียกร้องให้มอสโกกลับมาหารือเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์นั้นเกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการตอบโต้ชุดใหม่ต่อการที่รัสเซียระงับการเข้าร่วมสนธิสัญญา New START
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ จะไม่แจ้งรัสเซียให้ทราบสถานภาพหรือที่ตั้งล่าสุดของ “สิ่งของที่ควรอยู่ในรายงานของสนธิสัญญา” เช่น ขีปนาวุธและระบบยิง และจะยกเลิกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธตามเนื้อหาของสนธิสัญญาดังกล่าว และสำหรับลูกเรือชาวรัสเซียของเที่ยวบินต่าง ๆ รวมทั้ง จะยกเลิกการอนุมัติให้เครื่องบินของรัสเซียบินเข้ามาในน่านฟ้าของสหรัฐฯ ด้วย
- ที่มา: เอพีและนิตยสารไทม์