สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันพุธ สภารัสเซียเห็นชอบให้ต่ออายุสนธิสัญญาการลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (Strategic Arms Reduction Treaty - START) ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ ออกไปอีกห้าปี โดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัสเซียระบุว่า รัสเซียอนุมัติการขยายเวลานี้อย่างกระชั้นชิดก่อนที่สนธิสัญญาดังกล่าวจะหมดอายุในสัปดาห์หน้า
สนธิสัญญาดังกล่าวมีการลงนามเมื่อปีค.ศ. 2010 และถือเป็นจุดหมายสำคัญของความพยายามควบคุมอาวุธในระดับโลก และการจำกัดจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียและสหรัฐฯ
ทางทำเนียบขาวไม่ได้ยืนยันการต่ออายุสนธิสัญญาจากทางฝั่งรัสเซียโดยทันที แต่ระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้หารือกันทางโทรศัพท์และตกลงร่วมกันว่า ทีมงานของทั้งสองประเทศจะเร่งทำงานเพื่อบรรลุสนธิสัญญาภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันหมดอายุของสนธิสัญญา
เมื่อวันพุธ ทั้งสภาสูงและสภาล่างของรัสเซียต่างเร่งลงคะแนนเสียงเพื่อเห็นชอบการต่ออายุสนธิสัญญาฉบับนี้ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาฉบับใหญ่ฉบับสุดท้ายระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย โดยทั้งสองประเทศต่างเป็นประเทศมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ทั้งคู่
หลังจากนี้ คาดว่าประธานาธิบดีปูตินจะลงนามรับรองการต่ออายุสนธิสัญญาดังกล่าว โดยเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของรัสเซีย อธิบายว่า สนธิสัญญานี้จะถูกต่ออายุอย่างเป็นทางการเมื่อรัสเซียและสหรัฐฯ แลกเปลี่ยนข้อความทางการทูตหลังเสร็จสิ้นกระบวนการภายในประเทศแล้ว
เขายังบอกกับสำนักข่าว TASS ด้วยว่า การต่ออายุสนธิสัญญานี้เป็นไปตามเงื่อนไขของทางรัสเซีย
ทั้งนี้ สหรัฐฯ และรัสเซียไม่สามารถตกลงขยายเวลาสนธิสัญญาได้ในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เนื่องจากทางสหรัฐฯ ต้องการเพิ่มเงื่อนไขในการขยายเวลา แต่ทางรัสเซียปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว
ผู้นำรัสเซียกล่าวระหว่างการประชุมสภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum ทางออนไลน์ว่า การขยายสนธิสัญญานี้เป็นการ “ก้าวย่างในทิศทางที่ถูก” ในขณะที่ความสัมพันธ์สหรัฐฯ- รัสเซีย ในด้านอื่นๆ ยังคงตึงเครียด
คอนสแตนติน โคซาเชฟ ประธานคณะกรรมการด้านกิจการต่างประเทศของสภาสูงรัสเซีย ระบุว่า สนธิสัญญานี้ช่วยรับรองความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย และหากสนธิสัญญานี้ไม่ได้รับการต่ออายุ ก็จะไม่มีการจำกัดปริมาณอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป และอาจเปิดช่องให้มีการแข่งขันทางอาวุธได้