ยูเอ็นชี้ "สิทธิในการมีบุตร" เป็นเครื่องกำหนดขนาดของครอบครัวทั่วโลก

FILE - A community health worker holds up contraceptives during a lecture on family planning at a reproductive health clinic run by an NGO in Tondo city, metro Manila, Jan. 12, 2016.

องค์การสหประชาชาติ เปิดเผยการรายงานการศึกษาใหม่ที่คาดกันว่าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ล้านคนภายในปี ค.ศ. 2050 โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขดังกล่าวมาจากทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา และชี้ว่า "สิทธิในการมีบุตร" คือตัวกำหนดจำนวนประชากรของแต่ละพื้นที่ทั่วโลก

รายงานการศึกษาชี้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วมักมีอัตราการเกิดต่ำกว่าประเทศกำลังพัฒนา เพราะมีโอกาสได้รับบริการด้านการวางแผนครอบครัว ตลอดจนได้รับการศึกษาเรื่องการคุมกำเนิด และเรื่องเพศศึกษาที่ดีกว่า

โมนิกา เฟอร์โร ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติในกรุงเจนีวา กล่าวว่าหลายๆ ประเทศที่มีข้อจำกัดด้านสิทธิในการมีบุตรนั้น หากไม่ใช่เพราะการขาดทรัพยากรหรือเป็นคำสั่งของรัฐบาลแล้ว ก็อาจเป็นเพราะผู้คนมีขีดจำกัดในการเลือกขนาดของครอบครัวของตน

ยกตัวอย่างเช่น หลายๆ ประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราในทวีปแอฟริกา หญิง 1 คนมีอัตราการให้กำเนิดบุตร 4 คนหรือมากกว่านั้น ส่วนบางประเทศในแถบเอเชียตะวันออก และยุโรปมีอัตราการให้กำเนิดบุตรน้อยกว่าสองคนต่อหญิง 1 คน ทั้งสองกรณีนี้ทุกครอบครัวต้องเผชิญปัญหาต่างๆ ในการเข้าถึงสิทธิในการมีบุตรของตนอย่างถ่องแท้

มีการประเมินว่าประชากรโลกอาจจะเพิ่มขึ้นอีก 2,500 ล้านคนภายในปี ค.ศ. 2050 อยู่ที่ระดับเกือบถึง 10,000 ล้านคน และคาดว่ากว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวจะมาจากประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา

คุณเฟอร์โร กล่าวว่าผู้หญิงในแอฟริกาจะต้องเอาชนะอุปสรรคทั้งทางกฎหมายและทางสังคมที่มีมากมาย เพื่อให้สามารถควบคุมการมีบุตรของตนได้

ผู้หญิงในแอฟริกาอาจไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการทางการแพทย์ การดูแลเด็ก ตลอดจนไม่สามารถเข้าถึงสถาบันและการช่วยเหลือทางสังคมต่างๆ ที่จะสามารถช่วยให้พวกเธอวางแผนครอบครัวได้

รายงานฉบับนี้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ เสนอการดูแลสุขภาพอนามัยเพื่อส่งเสริมการมีบุตรที่มีคุณภาพทั่วโลกรวมถึงให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดสมัยใหม่ และมอบการศึกษาที่ดีขึ้น เพื่อให้เสรีภาพในการเลือกขนาดครอบครัวของตนนั้นเป็นจริงได้

นอกจากนี้รายงานนี้ยังสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคุณสุภาพบุรุษที่มีต่อสิทธิสตรีในการเลือกจำนวน ระยะเวลา และระยะห่างของการมีบุตรด้วย