รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน ฮานนา มาลิอาร์ ยืนยันในวันจันทร์ว่า กองกำลังยูเครนสามารถยึดหมู่บ้านคืนมาได้แล้ว 8 แห่งจากยุทธการโต้กลับรัสเซียในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงชุมชนพิอาตีแคตกี ในเขตปกครองซาปอริซห์เชีย
รัฐมนตรีผู้นี้กล่าวว่า นับตั้งแต่เริ่มการโจมตีโต้กลับเพื่อยึดดินแดนคืนจากกองทัพรัสเซีย ทหารยูเครนสามารถปลดปล่อยอาณาเขตจากการยึดครองของศัตรูได้แล้ว 113 ตารางกิโลเมตร
คลิปวิดีโอที่มีผู้เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นภาพทหารยูเครนถือธงชาติสีเหลือง-ฟ้าในบริเวณที่อ้างว่าเป็นชุมชนพิอาตีแคตกี ซึ่งอยู่ใกล้กับเขตที่ทหารรัสเซียตั้งฐานที่มั่นเข้มแข็งที่สุดจุดหนึ่งทางใต้ของยูเครน
ขณะเดียวกัน เดนิส พูชิลิน ผู้บริหารเขตปกครองดอแนตสก์ที่รัสเซียแต่งตั้งขึ้นมา กล่าวในวันจันทร์ว่า การยิงถล่มด้วยปืนใหญ่ของฝ่ายยูเครนทำให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบเสียชีวิตและทำให้พลเรือนบาดเจ็บ 20 คนในเมืองโวลโนวากา โดยรอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบคำกล่าวอ้างนี้ได้ และฝ่ายยูเครนก็ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้
เจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวในวันจันทร์ด้วยว่า กองทัพยูเครนระดมโจมตีด้านปืนใหญ่ใส่แคว้นเบลโกรอดในรัสเซียซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน ทำให้มีพลเมืองบาดเจ็บ 7 คน โดยผู้ว่าการแคว้นเบลโกรอดโพสต์ข้อความในสื่อเทเลแกรมว่า การโจมตีของยูเครนทำลายอาคารที่พักอาศัยหลายแห่ง
เจ้าหน้าที่รัสเซียอีกผู้หนึ่งรายงานว่า ยูเครนยิงปืนใหญ่ใส่หมู่บ้าน 2 แห่งในแคว้นเคอร์สก์ของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
รอยเตอร์ก็ยังไม่สามารถยืนยันรายงานทั้งหมดจากเจ้าหน้าที่รัสเซียได้
กระทรวงกลาโหมอังกฤษเผยรายงานการประเมินสถานการณ์ล่าสุดในวันจันทร์ว่า "มีโอกาสสูง" ที่รัสเซียจะระดมกำลังทหารหลายพันคนจากฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนิโปรไปสมทบกับทหารที่เมืองบาคห์มุตและเขตซาปอริซห์เชีย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการคาดการณ์ของรัสเซียว่า การโจมตีของยูเครนข้ามฝั่งแม่น้ำดนิโปรกำลังลดลง สืบเนื่องจากการพังทลายของเขื่อนคาคอฟกาและเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
หายนะเขื่อนคาคอฟกา
เมื่อวันอาทิตย์ สหประชาชาติเผยว่า รัสเซียได้ปฏิเสธคำขอให้ยื่นมือช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ทางใต้ของยูเครนซึ่งรัสเซียครอบครองอยู่
เดนิส บราวน์ เจ้าหน้าที่สหประชาชาติผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมเพื่อยูเครน แถลงในวันอาทิตย์ว่า "เราขอให้เจ้าหน้าที่รัสเซียให้การช่วยเหลือตามพันธะผูกพันภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ" และ "สหประชาชาติจะยังคงทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเข้าถึงประชาชนทุกคน รวมถึงผู้ที่เดือดร้อนจากการทำลายเขื่อนครั้งล่าสุดนี้ ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
จนถึงขณะนี้ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เขื่อนแตกและน้ำท่วมแล้วมากกว่า 12 คน และสูญหายอีก 31 คน จากการประเมินของกระทรวงกิจการภายในยูเครน และคาดว่ามีบ้านเรือนจมอยู่ใต้น้ำอีกราว 900 หลัง ทางการอพยพประชาชนไปแล้วมากกว่า 3,600 คน
หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานว่า “สาเหตุที่มีความเป็นไปได้สูงสุดของการแตกของเขื่อน” คือ การวางระเบิดไว้ที่เส้นทางเดินหรือเฉลียงของโครงสร้างเขื่อน “ซึ่งทอดยาวผ่านใจกลางของโครงสร้างที่ทำด้วยคอนกรีต”
การประเมินของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้อ้างอิงความเห็นจาก “วิศวกรชาวอเมริกัน 2 ราย และผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด 1 รายและวิศวกรชาวยูเครน 1 รายที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานของเขื่อนมานานหลายปี”
การฟื้นฟูยูเครน
ในเวลานี้ ยูเครนกำลังเดินหน้าขอความช่วยเหลือด้านการเงินสำหรับขั้นที่ 1 ของโครงการ “Green Marshall Plan” ที่มีจุดประสงค์เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะมีการหารือประเด็นนี้ในการประชุม Ukraine Recovery Conference ในกรุงลอนดอนซึ่งจะมีนักการเมืองและนักลงทุนเข้าร่วมในวันพุธและวันพฤหัสบดีนี้
โรสตีสลาฟ เชอร์มา รองหัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี บอกกับรอยเตอร์ว่า “ถ้าคุณต้องสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ สิ่งที่สมเหตุสมผลก็คือ การสร้างสิ่งที่[เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม] ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ... วิสัยทัศน์ของเราก็คือ การสร้างอุตสาหกรรมเหล็กสีเขียว 50 ล้านตันในยูเครน”
ข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า การก่อสร้างฟื้นฟูยูเครนนั้นน่าจะมีค่าใช้จ่ายมากถึง 400,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าจีดีพีของประเทศนี้ถึง 3 เท่า
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว นานาประเทศได้ส่งเงินสนับสนุนให้ยูเครนแล้วราว 59,000 ล้านดอลลาร์
หนึ่งในประเด็นที่คาดว่าจะมีการหยิบยกขึ้นมาพูดคุยในการประชุมที่กรุงลอนดอนคือ การนำส่งเงินทุนสำรองมูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์ของธนาคารกลางรัสเซียไปให้ยูเครนดีหรือไม่
ในวันจันทร์ สภาอังกฤษเพิ่งเสนอร่างกฎหมายที่ให้อำนาจรัฐบาลเดินหน้ามาตรการลงโทษต่อรัสเซียจนกว่ากรุงมอสโกจะชดใช้ค่าเสียหายจากการรุกรานประเทศเพื่อนบ้านของตน
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอเอฟพี และรอยเตอร์