Your browser doesn’t support HTML5
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ให้สัญญาไว้หลายครั้งตั้งแต่ช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า จะแทรกแซงกิจการในต่างประเทศน้อยลงกว่าสมัยของของ ปธน.บารัค โอบามา และหันไปให้ความสำคัญกับนโยบายภายในประเทศมากขึ้น ภายใต้ยุทธศาสตร์ “America First”
แต่ข้อมูลของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ชี้ว่า ในช่วงปีแรกของการเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ ยังไม่สามารถทำตามที่รับปากไว้ได้ และดูเหมือนสหรัฐฯ ยิ่งใช้กำลังทหารแทรกแซงกิจการในต่างประเทศมากขึ้นด้วย
ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวไว้ระหว่างการหาเสียงว่า จะลดงบประมาณด้านการทหารในต่างประเทศ และหันมาทุ่มเทกับการฟื้นฟูอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ภายใต้ยุทธศาสตร์ “America First” หรือ “อเมริกามาก่อน”
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากหนึ่งปีผ่านไป คือ สหรัฐฯ ส่งทหารไปยังพื้นที่ความขัดแย้งมากขึ้น รวมทั้งในตะวันออกกลางและอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ ยังได้โจมตีใส่อิรัก ซีเรีย และอัฟกานิสถาน มากขึ้น และเพิ่มการใช้โดรนในปฏิบัติการโจมตีทางทหารมากขึ้นด้วย
คุณคริสโตเฟอร์ เพรบเบิล นักวิเคราะห์แห่งสถาบัน CATO กล่าวว่า เห็นได้ชัดเจนว่า ปธน.ทรัมป์ ใช้แนวทางทางการทหารที่แข็งกร้าวกว่าสมัย ปธน.โอบามา
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ อัฟกานิสถาน โดยก่อนที่ ปธน.ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่ง เขาได้วิพากษ์วิจารณ์การที่สหรัฐฯ เข้าร่วมทำสงครามอย่างยืดเยื้อยาวนานในอัฟกานิสถาน ว่าเป็นความสิ้นเปลืองทั้งชีวิตทหารอเมริกันและงบประมาณมหาศาล และได้เรียกร้องให้มีการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานทันที
อย่างไรก็ตาม หกเดือนหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ปธน.ทรัมป์ ได้ขยายเวลาการประจำการของทหารอเมริกันในอัฟกานิสถานออกไปโดยไม่มีกำหนด และยังได้ส่งทหารไปเพิ่มในอัฟกานิสถานอีก 3,000 คน นอกจากนี้ การโจมตีของกองทัพสหรัฐฯ และองค์การนาโต้ ในอัฟกานิสถาน ยังเพิ่มขึ้นหลายเท่าตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์ว่า การโจมตีดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มขึ้นในปีหน้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการผ่อนคลายข้อบังคับที่อนุญาตให้ทหารสหรัฐฯ สามารถติดตามเป้าหมายได้
นอกจากอัฟกานิสถานแล้ว ข้อมูลของเพนตากอนยังชี้ให้เห็นว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้เพิ่มกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ส่วนอื่นๆ ของโลก เช่นในตะวันออกกลาง และแอฟริกาตอนเหนือ รวมทั้งการเพิ่มจำนวนทหารที่ประจำการในพื้นที่ดังกล่าวราว 31% ซึ่งไม่ใช่เฉพาะใน อิรัก และซีเรีย เท่านั่น แต่ยังรวมถึงในคูเวต สหอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ และบาห์เรน ด้วย
สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับการต่อต้านกลุ่มรัฐอิสลามในอิรักและซีเรีย รายงานชี้ว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดใส่พื้นที่ของกลุ่มรัฐอิสลามเพิ่มขึ้น 30% ในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยโดรน
คุณราเชล สโตล ผู้เชี่ยวชาญด้านโดรน แห่งศูนย์วิจัย Stimson กล่าวว่า แม้โดรนได้ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางในสมัย ปธน.โอบามา แต่ในสมัย ปธน.ทรัมป์ ได้มีการใช้โดรนของสหรัฐฯ ในประเทศอื่นมากขึ้น แม้แต่ในประเทศที่ไม่ใช่พื้นที่สงคราม เช่น เยเมน โซมาเลีย ปากีสถาน และลิเบีย
(ผู้สื่อข่าว William Gallo รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)