การประท้วงรอบใหม่ปะทุขึ้นอีกครั้งในโลกมุสลิม เป้หมายเพื่อต่อต้านการตัดสินใจของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ
เกิดการประท้วงในประเทศมุสลิมหลายประเทศทั่วโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งบางแห่งลุกลามไปเป็นความรุนแรง
ที่เลบานอน กองกำลังรักษาความปลอดภัยของเลบานอน ใช้หัวฉีดดับเพลิงและแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้ประท้วงด้านนอกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเบรุต ที่พยายามทำลายสิ่งกีดขวาง และเผาหุ่นจำลอง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งเผาธงชาติสหรัฐฯ และอิสราเอล
และที่อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ประชาชนหลายพันคนเดินขบวนประท้วงด้านหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงจาการ์ตา
นอกจากนี้ยังมีการประท้วงในจอร์แดน ตุรกี ปากีสถาน มาเลเซีย อียิปต์ และที่ฉนวนกาซ่าของปาเลสไตน์ และเขตเวสต์แบงค์บริเวณพรมแดนอิสราเอล - ปาเลสไตน์
ส่วนที่เมืองโกเธนเบิร์ก (Gothenburg) ในสวีเดน ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาสามคนที่ปาระเบิดเพลิงเข้าไปในโบสถ์ของชาวยิว ซึ่งอาจถูกตั้งข้อหาพยายามวางเพลิง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ ส่วนที่กรุงสต็อกโฮล์ม ได้มีการวางกำลังตำรวจคุ้มกันตามโบสถ์ยิวต่างๆ อย่างแน่นหนา
ด้านนายกฯ อิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) ออกมากล่าวตำหนิผู้ประท้วงการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ว่าเป็นพวกเสแสร้ง และตนจะไม่ยอมรับการกระทำแบบสองมาตรฐาน คือ ด้านหนึ่งออกมาประณามการย้ายเมืองหลวงมายังนครเยรูซาเล็ม แต่ในขณะเดียวกัน กลับนิ่งเฉยเมื่อมีการยิงจรวดโจมตีใส่อิสราเอล
นายกฯ เนทันยาฮู พบปะกับบรรดาผู้นำยุโรปในวันอาทิตย์ โดย ปธน.ฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง (Emmanuel Macron) กล่าวหลังการพบปะกับผู้นำอิสราเอลว่า ตนต่อต้านการยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล แต่ก็ขอประณามการโจมตีด้วยจรวดใส่อิสราเอล ว่าเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นการทำลายสันติภาพเช่นกัน
ด้านนิคกี้ เฮลลีย์ (Nikki Haley) ทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวปกป้องการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNN โดยบอกว่า เวลานี้หน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งของอิสราเอลต่างตั้งอยู่ในนครเยรูซาเล็ม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากสหรัฐฯ จะย้ายสถานทูตไปที่นั่น และว่าสิ่งที่ ปธน.ทรัมป์ ทำนั้นเป็นสิ่งที่ ปธน.สหรัฐฯ คนก่อนๆ ไม่กล้าทำ
ในวันอาทิตย์ สันนิบาตชาติอาหรับได้จัดประชุมฉุกเฉินที่กรุงไคโร และมีแถลงการณ์เรียกการตัดสินใจของ ปธน.ทรัมป์ ครั้งนี้ว่า เป็นนโยบายอันตราย ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ ถูกมองว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นกลาง และยังถือเป็นการสิ้นสุดบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะคนกลางและผู้สนับสนุนกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ การที่สหรัฐฯ ยอมรับนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยังก่อให้เกิดความโกรธแค้นในหมู่ประชากรมุสลิม ซึ่งอาจมีผลให้เกิดความรุนแรงและการนองเลือดในตะวันออกกลาง
ประธานสันนิบาตชาติอาหรับ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับปาเลสไตน์เป็นประเทศ โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง เพื่อตอบโต้ต่อนโยบายของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย นอกจากนี้ยังขอให้สหประชาชาติมีมติประณามการตัดสินใจดังกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ
(ผู้สื่อข่าว Ken Bredemeier / Fern Robinson รายงาน / ทรงพจน์ สุภาผล เรียบเรียง)