Your browser doesn’t support HTML5
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภารัฐสภาสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก เมื่อเวลาสามทุ่มตรงตามเวลาในสหรัฐฯ โดยมีประเด็นสำคัญในเรื่องของร่างงบประมาณฉบับใหม่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ และการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมือง
การปราศรัยครั้งนี้ใช้ชื่อว่า "Renewal of the American Spirit" หรือ "การฟื้นฟูจิตวิญญาณแบบอเมริกัน"
ประธานาธิบดีทรัมป์เร่ิมกล่าวต่อที่ประชุมร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ โดยระบุถึงเหตุการณ์ภัยคุกคามล่าสุดต่อชุมชนชาวยิวในอเมริกา ว่าเป็นการเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงการยืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อต้านความเกลียดชังทุกรูปแบบ เพื่อความสามัคคีกลมเกลียวของประชาชน
นโยบายปฏิรูประบบคนเข้าเมือง
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าตนรับรู้ถึงสิ่งที่คนอเมริกันต้องการ และได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองฉบับใหม่ ซึ่งจะช่วยให้อเมริกาปลอดภัย และช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้คนอเมริกัน พร้อมสัญญาว่าจะเดินหน้าสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก ต่อไป เพื่อป้องกันการขนส่งอาวุธเถื่อนและยาเสพติด
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะมีการนำระบบคนเข้าเมืองที่อิงตามหลักคุณธรรมมาใช้เหมือนหลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งจะใช้มาตรการที่เข้มงวดยิ่งขึ้นในการปกป้องประเทศจากกลุ่มก่อการร้ายมุสลิมแนวคิดสุดโต่ง ผ่านกระบวนการคัดกรองคนเข้าเมือง
Your browser doesn’t support HTML5
และ ปธน.สหรัฐฯ กล่าวว่าตนได้มีคำสั่งไปยังกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ให้คิดหาแผนปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม ที่ทรัมป์เรียกว่า "เครือข่ายของคนผิดกฎหมาย"
นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
ปธน.ทรัมป์ กล่าวถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคของอเมริกา โดยบอกว่าที่ผ่านมาสหรัฐฯ ให้เงินมหาศาลแก่ประเทศอื่น ในขณะที่โครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคของอเมริกากำลังผุกร่อน ตนเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคของอเมริกา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน โดยจะลงทุนในส่วนนี้เป็นมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์
รวมทั้งจะมีการปฏิรูปด้านภาษี ด้วยการลดภาษีสำหรับชนชั้นกลางในอเมริกา ตลอดจนการปราบปรามยาเสพติดที่ถือเป็นภัยคุกคามต่อเยาวชนอเมริกัน และบ่อนทำลายโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ
เร่งถอดถอนหรือแทนที่กฎหมายโอบาม่าแคร์
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า กฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพของประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า หรือ Obamacare ถือเป็นหายนะ ซึ่งตนจะแทนที่กฎหมายดังกล่าวด้วยระบบใหม่ที่ให้คนอเมริกันมีทางเลือกด้านสุขภาพมากขึ้นและดีขึ้น ด้วยราคาที่ถูกลง
Your browser doesn’t support HTML5
รวมทั้งจะลดกระบวนการทำงานที่ยุ่งยากของหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถนำยาชนิดใหม่ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วขึ้น
ทำไมจึงไม่เรียกว่า 'State of the Union' ?
รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ กำหนดให้ประธานาธิบดีแต่ละสมัยต้องขึ้นกล่าวปราศัยและให้ข้อมูลที่เรียกว่า 'State of the Union' หรือการแถลงแสดงนโยบายของประธานาธิบดีต่อรัฐสภา
โดยประธานาธิบดีจะต้องกล่าวปราศัย 'State of the Union' ต่อรัฐสภาเป็นประจำทุกปี ราวๆ เดือนมกราคม ถึง กุมภาพันธ์ นอกจากว่า ประธานาธิบดียังขึ้นดำรงตำแหน่งน้อยกว่า 1 ปี หรือ อาจจะเป็นได้ว่ายังไม่มีร่างนโยบาย
เมื่อเป็นเช่นนั้น การขึ้นกล่าวปราศรัยต่อสภาร่วมของสหรัฐฯ จะยังไม่เรียกว่า 'State of the Union' ดังเช่นการขึ้นกล่าวของ ปธน.ทรัมป์ ในปี ค.ศ.2017 ครั้งนี้
ท่าทีของพรรคเดโมแครต
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวมีแถลงการณ์ว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ จะกล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริงที่ครอบครัวอเมริกันกำลังเผชิญ และจะยืนยันกับประชาชนว่าความช่วยเหลือกำลังจะไปถึงพวกเขา"
แต่บรรดาผู้นำพรรคเดโมแครตในรัฐสภาฯ ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า การกล่าวปราศรัยครั้งนี้เป็นความพยายามของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะให้ประชาชนยอมรับนโยบายของตน โดยเฉพาะนโยบายด้านคนเข้าเมืองและการกีดกันชนกลุ่มน้อยในอเมริกา
การปราศรัยของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่อัตราการรับรองการทำงานของ ปธน.ทรัมป์ อยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ ปธน.อเมริกัน คนก่อนๆ ในช่วงห้าสัปดาห์หลังรับตำแหน่ง คืออยู่ที่ื 44% จากผลสำรวจของ NBC/Wall treet Journal