รายงานการวิจัยชิ้นใหม่ที่จัดทำโดย สมาคมสุขภาพจิตอเมริกัน หรือ APA ระบุว่าบรรยากาศการเมืองในสหรัฐฯ กำลังทำให้คนอเมริกันส่วนใหญ่เกิดความเครียด
รายงานการสำรวจที่จัดทำเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า 57% ของคนอเมริกันบอกว่า “บรรยากาศความตึงเครียดทางการเมืองในขณะนี้ คือสาเหตุที่ทำให้พวกตนเกิดความเครียดตามไปด้วย”
ขณะที่ราวครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่ง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะและได้เป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐฯ นั้น คือสาเหตุของความเครียดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผู้ที่ชื่นชอบพรรคการเมืองคนละพรรค จะมีความเห็นที่ต่างกันในประเด็นนี้ กล่าวคือ ผู้นิยมพรรคเดโมแครตราว 72% บอกว่าผลการเลือกตั้งทำให้เกิดความเครียด ขณะที่ผู้นิยมพรรครีพับลิกันราว 26% เท่านั้นที่บอกว่าเครียดเพราะเรื่องนี้
และเมื่อถามถึงอนาคตของประเทศ ผู้นิยมพรรครีพับลิกันราว 59% บอกว่าค่อนข้างเครียดกับทิศทางที่ประเทศกำลังเดินไป ขณะที่มีผู้นิยมพรรคเดโมแครตถึง 76% ที่บอกว่าเครียดกับอนาคตของประเทศภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์
คุณ Katherine Nordal ผอ. บริหารของสมาคมสุขภาพจิตอเมริกัน กล่าวว่า "ความเครียดจากการเมืองเป็นสิ่งน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลีกหนีได้ยาก เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่บทสนทนาทางการเมืองและข่าวการเมือง"
รายงานชี้ว่า 53% ของผู้จบการศึกษาระดับสูงกว่ามัธยม มีความเครียดต่อผลการเลือกตั้ง เทียบกับ 38% ในกลุ่มผู้จบการศึกษาต่ำกว่าระดับมัธยม และมีผู้อยู่อาศัยในเมือง 62% ที่บอกว่าเครียดจากการเมือง เทียบกับ 33% ของผู้อาศัยในเขตชนบท
สมาคมสุขภาพจิตอเมริกันบอกว่า ความเครียดที่เพิ่มขึ้นคือสาเหตุของอาการปวดศีรษะ ความวิตกกังวล และโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอาจนำไปสู่โรคร้ายต่างๆ
รายงานแนะนำให้ผู้ที่กำลังเครียดจากการเมือง ให้หยุดเสพข่าวการเมืองสักพัก และหาอะไรอย่างอื่นทำแทน