นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแนวทางการขออนุมัติร่างงบประมาณประจำปีต่อรัฐสภา โดยจะเพิ่มงบประมาณรักษาความปลอดภัย และความมั่นคงของสหรัฐฯ ให้มากขึ้น
และจะเพิ่มงบประมาณครั้งใหญ่สำหรับการสร้างความเข้มแข็งให้กับกองทัพสหรัฐฯ ให้แข็งแกร่งอีกครั้ง โดยเน้นความเป็นอเมริกามาเป็นอันดับแรก
ร่างงบประมาณที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอให้กับรัฐสภาเพื่อขออนุมัตินั้น เฉพาะในส่วนของงบด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 5 หมื่น 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เขาบอกว่าจะเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างความเข็มแข็ง ความมั่นคง และแก้ปัญหาได้ลุล่วง
ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศด้วยว่า สหรัฐฯ จะต้องกลับมามีชัยชนะในสงครามอีกครั้ง เพราะหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สหรัฐฯ ไม่เคยชนะสงครามใดๆ อีกเลย
ประธานาธิบดีทรัมป์ มีกำหนดที่จะขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ในค่ำวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ ตามเวลาในสหรัฐฯ และจะมีการประกาศรายละเอียดและนโยบายการขออนุมัติงบประมาณประจำปีภายใต้รัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ มากขึ้น
เจ้าหน้าที่ด้านงบประมาณเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การของบประมาณด้านกลาโหมดังกล่าว ถือเป็นการของบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด คือราวๆ ร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา ทำให้ต้องตัดงบประมาณในส่วนอื่นลงไป
โดยเฉพาะงบในส่วนกิจการภายในสหรัฐฯ งบประมาณที่สหรัฐฯ ส่งไปช่วยเหลือต่างประเทศ งบด้านการต่างประเทศ และองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐ ที่จะถูกลดทอนลงไป
หรือแม้แต่บางโครงการของของกลาโหม เช่น โครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ F-35 มูลค่ากว่า 725 ล้านดอลลาร์ก็จะถูกตัดออกไป
คาดว่ารัฐบาลทรัมป์จะเสนอเอกสารร่างงบประมาณในภาพรวมของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางให้รัฐสภาพิจารณาในเดือนถัดไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ก็คือแนวทางการยกเลิกกฎหมายหลักประกันสุขภาพ หรือ โอบามาแคร์ ของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งเป็นนโยบายที่ทรัมป์ใช้หาเสียงมาก่อนหน้านี้
นายโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่า "นโยบายหลักประกันสุขภาพโอบามาแคร์ เป็นสิ่งที่ล้มเหลว และพบว่านโยบายหลักประกันสุขภาพที่ทุกคนสามารถจ่ายได้นั้น ทำไม่ได้แล้วอีกต่อไป และจำเป็นต้องมีการการยกเลิกและทดแทนนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะดำเนินการเป็นอันดับแรกเพราะมีงบประมาณที่ใช้ในโครงการนี้ค่อนข้างมากและซับซ้อนกว่าเรื่องอื่นๆ"
"และหากสามารถจัดการงบโครงการหลักประกันสุขภาพนี้ได้ ก็สามารถจัดสรรงบประมาณอื่น โดยเฉพาะแนวทางการลดภาษีได้ง่ายมากขึ้น"