Your browser doesn’t support HTML5
นางซาราห์ ฮัคเคอร์บี แซนเดอร์ส (Sarah Huckabee Sanders) โฆษกสตรีของทำเนียบขาว แถลงว่า การปฏิรูประบบสวัสดิการของรัฐ การปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองรวมทั้งกฎหมายประกันสุขภาพ ล้วนแต่เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลสหรัฐในปี 2561 นี้
ในเรื่องการปฏิรูประบบคนเข้าเมืองนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตโจมตีพรรคเดโมแครตว่า เป็นมิตรกับผู้อพยพเข้าเมืองวัยหนุ่มสาวที่อยู่ในข่ายต้องถูกเนรเทศ หลังจากที่นโยบายผ่อนปรนและให้โอกาสลูกหลานของผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายหรือที่เรียกว่าโครงการ DACA ของประธานาธิบดีโอบามา จะหมดอายุลงในเดือนมีนาคมนี้
โดยผู้นำสหรัฐฯ แสดงท่าทีว่าตนจะไม่ยอมลดละในคำมั่นสัญญาระหว่างหาเสียง ที่จะจำกัดผู้อพยพเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และจะรักษาสัญญาเรื่องการสร้างกำแพงกั้นตามแนวพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่สุดของประธานาธิบดีทรัมป์ จะเป็นการทำความตกลงเรื่องงบประมาณเพื่อเลี่ยงการปิดตัวของรัฐบาลกลางในวันที่ 19 มกราคม มากกว่า เพราะขณะนี้รัฐสภาสหรัฐฯ ยังไม่ได้ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี 2561 อย่างสมบูรณ์ คือเพียงแค่ออกกฎหมายงบประมาณระยะสั้นมาใช้เป็นช่วงๆ เท่านั้น
และโฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการกฎหมายงบประมาณซึ่งครอบคลุมเป็นเวลา 2 ปี และจำกัดวงเงินใช้จ่ายอย่างสมเหตุผล แต่สามารถสนับสนุนความต้องการด้านความมั่นคงแห่งชาติได้
นักวิเคราะห์นอกภาครัฐมองว่า เป้าหมายหนึ่งของประธานาธิบดีทรัมป์ คือการลดทอนกฎเกณฑ์ข้อบังคับต่างๆ ของรัฐบาลกลาง ในขณะที่หาความสนับสนุนจากรัฐสภา เพื่อผ่านกฎหมายปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่จะต้องใช้เงินลงทุนใหม่ถึงราว 1 ล้านล้านดอลลาร์
และประธานาธิบดีทรัมป์ก็ต้องการใช้อำนาจผู้นำฝ่ายบริหารออกคำสั่งโดยไม่ต้องรับความเห็นชอบในรูปกฎหมายจากรัฐสภา เพื่อยกเลิกหรือจำกัดกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของรัฐบาลกลาง ที่ถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจในสหรัฐฯ และสร้างปัญหาให้กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคน อย่างเช่น คุณ Dan Mahaffee ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของศูนย์เพื่อการศึกษาประธานาธิบดีและรัฐสภาสหรัฐฯ เชื่อว่า ถึงแม้ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการมุ่งเน้นนโยบายในประเทศ เพื่อให้ส่งผลต่อการเลือกตั้งกลางเทอมช่วงปลายปีนี้มากเพียงใดก็ตาม แต่ประเด็นปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์มักจะเข้ามาครอบงำวาระเร่งด่วนต่างๆ ของผู้นำสหรัฐฯ ได้เสมอ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของเรื่องนี้ คือการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในอิหร่าน ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนผู้ประท้วง และตำหนิรัฐบาลอิหร่านอย่างชัดเจน เมื่อเทียบกับการสงวนท่าทีมากกว่าของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีโอบามา
รวมทั้งปัญหาการควบคุมภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ และท่าทีที่มุ่งประจันหน้ากับจีนมากขึ้น ซึ่งทั้งประเด็นเรื่องอิหร่าน เกาหลีเหนือ และจีนนี้ ล้วนแต่เป็นจุดเน้นสำคัญของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯในปี 2561 ตามเอกสารนโยบายด้านความมั่นคงแห่งชาติที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนธันวาคมทั้งสิ้น
ถึงแม้ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศหลายคนจะตั้งข้อสังเกตว่า การจัดลำดับความสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีทรัมป์นี้ มักเต็มไปด้วยความสับสนและความยุ่งเหยิงก็ตาม