Your browser doesn’t support HTML5
ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ ซึ่งตรงกับวันเข้ารับตำแหน่งครบ 100 วัน ระบุถึงสิ่งที่ได้ทำในช่วง 100 วันที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนแรงงานอเมริกัน และกีดกันคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งครบ 100 วัน ไปเมื่อวันเสาร์ที่ 29 เมษายน
ปธน.ทรัมป์ ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวปราศรัยต่อผู้สนับสนุนราว 10,000 คนที่เมืองแฮริสเบิร์ก ที่รัฐเพนซิลเวเนีย โดยบอกว่า
"ช่วง 100 วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งความน่าตื่นเต้น และตนได้สร้างความก้าวหน้าในหลายด้านเพื่อสนับสนุนแรงงานอเมริกัน รวมทั้งการสร้างงานให้กับคนงานเหมืองถ่านหิน ปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กและอลูมิเนียม ตลอดจนกำจัดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการจ้างงานในสหรัฐฯ"
ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า “ตนได้ทำตามที่ให้สัญญาไว้ และประชาชนต่างมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น” นอกจากนี้ยังได้กล่าวพาดพิงถึงรัฐบาลชุดก่อนว่า “เป็นผู้ทิ้งความวุ่นวายยุ่งเหยิงเอาไว้ให้ตนตามแก้ไข”
ปธน. ทรัมป์ ระบุด้วยว่า “อเมริกาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบในสนธิสัญญาหลายฉบับที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศต่างๆ” พร้อมสัญญาว่าตนจะตัดสินใจครั้งใหญ่เกี่ยวกับ “สนธิสัญญากรุงปารีสว่าด้วยสภาพภูมิอากาศโลก” ในช่วงสองสัปดาห์จากนี้
ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง โดนัลด์ ทรัมป์ เคยรับปากไว้หลายครั้งว่าจะมีการพิจารณาหรือถอนสหรัฐฯ ออกจากสนธิสัญญาดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นที่กรุงปารีสเมื่อสองปีที่แล้ว โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณก๊าซที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนที่แต่ละประเทศปล่อยออกมาสู่ชั้นบรรยากาศโลก
ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้าวันเสาร์ ปธน.ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารให้รัฐบาลทบทวนข้อตกลงการค้าต่างๆ ที่สหรัฐฯ ทำไว้ เพื่อตรวจดูว่าสหรัฐฯ ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจากประเทศสมาชิกอื่นๆ ทั้ง 164 ประเทศขององค์การการค้าโลกหรือไม่
ปธน. ทรัมป์ ยังได้เน้นย้ำถึงมาตรการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก โดยยืนยันว่าจำเป็นต้องมีกำแพงเพื่อกั้นยาเสพติดและขบวนการลักลอบค้ามนุษย์
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า “รัฐบาลของตนได้ใช้มาตรการควบคุมคนเข้าเมืองอย่างเข้มงวดแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประวัติผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ อย่างละเอียด” และยังบอกด้วยว่า “ผู้คนต่างต้องการเข้ามายังอเมริกาเพราะพวกเขารักประเทศนี้”
ปธน. ทรัมป์ ระบุว่า "หลักการพื้นฐานของการตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของตน คือ แรงงานอเมริกัน ครอบครัวอเมริกัน บริษัทอเมริกัน และพลเมืองอเมริกัน ต้องมาเป็นอันดับแรก"
นอกจากนี้ ปธน. สหรัฐฯ ยังได้กล่าวถึงผลงานของตนในการต้อนรับและเจรจากับผู้นำจีนและอังกฤษ รวมทั้งการแต่งตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ นีล กอร์สิช ซึ่งทรัมป์เรียกตำแหน่งผิดว่าเป็นประธานฝ่ายตุลาการ ซึ่งที่จริงแล้วคือผู้พิพากษา จอห์น โรเบิร์ตส
การปราศรัยของ ปธน.ทรัมป์ ที่รัฐเพนซิลเวเนียครั้งนี้ เกิดขึ้นขณะที่มีการจัดงานเลี้ยงประจำปีของสมาคมผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาว ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นงานที่ผู้นำสหรัฐฯ เข้าร่วมและอาจจะถูกแซวเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมงาน
แต่ปีนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ 1981 ในสมัย ปธน.โรนัลด์ เรแกน ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงที่ว่านี้ โดยให้เหตุผลว่าสื่อพยายามจ้องเล่นงานตน
ด้านคุณเจฟฟ์ เมสัน ประธานสมาคมผู้สื่อข่าวทำเนียบขาว กล่าวในงานเลี้ยงว่า “เสรีภาพของสื่อคือรากฐานของประชาธิปไตย ดังนั้นการพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของผู้สื่อข่าวจึงถือเป็นอันตรายต่อประชาชน”
และว่า “เมื่อปีที่แล้ว เราได้พูดถึงภัยคุกคามต่อเสรีภาพสื่อในประเทศอื่นๆ แต่ปีนี้ถึงเวลาแล้วที่เราควรพูดถึงภัยคุกคามต่อสื่อในประเทศเราเอง”
(ทรงพจน์ สุภาผล สรุปรายงานจากห้องข่าววีโอเอ)