รัฐบาลกลางสหรัฐฯ อาจต้องปิดทำการชั่วคราวหลังเที่ยงคืนของวันศุกร์ที่ 28 เมษายนนี้ เพราะก่อนหน้านี้รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านงบประมาณชั่วคราวระยะสั้นสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน คือปีงบประมาณ ค.ศ. 2017 ถึงวันดังกล่าวเท่านั้น
และหากฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ไม่สามารถทำความตกลงกันได้ ในเรื่องกฎหมายงบประมาณที่จะใช้ในช่วงที่เหลืออยู่ของปีนี้ก็จะเป็นผลให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือ Federal Government ต้องปิดตัวลงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2556 ซึ่งกินเวลาทั้งหมด 16 วัน
หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นอีกในปีนี้ ก็จะตามมาด้วยโอกาสครบ 100 วันสำหรับการทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ในวันเสาร์ที่ 29 เมษายน
โดยช่วงเวลา 100 วันแรกสำหรับการทำงานของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น มักถูกจับตามองในแง่การพิสูจน์ความสามารถในการทำงาน เนื่องจากผู้นำฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ มักประสบความสำเร็จด้านนโยบายในช่วง 100 วันแรกนี้มากที่สุด
สำหรับปีนี้ ข้อขัดแย้งเรื่องงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงป้องกันผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ความยาวประมาณ 3,200 กิโลเมตร ที่พรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก นับเป็นปัญหาสำคัญเรื่องหนึ่ง
เพราะคำมั่นสัญญาระหว่างการหาเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ว่านี้ จะต้องใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ และถูกคัดค้านทั้งจากสมาชิกของพรรครีพับริกันและพรรคเดโมแครตด้วย
ถึงแม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะแสดงความเชื่อมั่นว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการครบ 100 วันแรกของการทำงานของตน จะช่วยให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก็ตาม
แต่คุณ Molly Reynolds นักวิเคราะห์นโยบายของสถาบัน Brookings ที่กรุงวอชิงตัน ตั้งข้อสังเกตว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ใช่นักการเมืองตามรูปแบบปกติของกรุงวอชิงตัน รวมทั้งไม่มีประสบการณ์เรื่องการเจรจาต่อรองเพื่อผลักดันร่างกฎหมายที่สำคัญ จึงทำให้เกิดปัญหาชะงักงันตามที่เห็นอยู่ขณะนี้
นอกจากประเด็นเรื่องงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงกั้นที่พรมแดนแล้ว วาระสำคัญซึ่งรอประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังการครบกำหนด 100 วันแรกของการทำงาน คือเรื่องการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐฯ
รวมทั้งการผลักดันร่างกฎหมายที่จะใช้แทนกฎหมายประกันสุขภาพฉบับปัจจุบันหรือ Obamacare อีกครั้งหนึ่ง!