ผู้ประกอบการร้านค้าอุปโภคบริโภค และร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ เริ่มแสดงความกังวลต่อแนวทางและนโยบายการเตรียมขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยประกาศไว้ในระหว่างการหาเสียง ว่าจะเป็นนโยบายหลักที่จะประกาศบังคับใช้ในทันที ที่ได้ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯในเดือนมกราคม
โอภาส มะลิพันธุ์ นายกสภาไทยทาวน์ ที่นครลอสแอนเจลิส แสดงความกังวล กับ วีโอเอ ไทย ว่า นโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐในอนาคต อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของคนไทย ที่ต้องแบบภาระต้นทุนที่สูงขึ้น เพราะส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบและสินค้านำเข้าจากเมืองไทยเป็นหลัก
“ ก็คือตอนนี้ต้นทุนต่างๆการทำธุรกิจในอเมริกาเนี่ยต้นทุนทุกอย่างมันสูงขึ้นมากไม่ว่าจะเป็นค่าแรงค่าเช่าร้านและค่าวัตถุดิบนะครับค่าวัตถุดิบก็จะมีสามารถซื้อได้ในอเมริกาเองหรือจะต้องสั่งมาจากทางเมืองไทยแต่คราวนี้ถ้าเราเจอกำแพงภาษีที่สูงขึ้นในการนำวัตถุดิบเข้ามาเนี่ยก็จะทำให้ต้นทุนของการทำอาหารไทยมันสูงขึ้นก็เลยถ้ารัฐบาลไทยสามารถช่วยตรงนี้ได้นะครับมันก็จะช่วยให้ร้านอาหารไทยในอเมริกาเนี่ยสามารถที่จะแข่งขันได้ดีมากขึ้นครับ” นายกสภาไทยทาวน์ กล่าว
ขณะที่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับ วีโอเอ ไทย ระหว่างการเดินทางเยือน นครลอสแอนเจลิส เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การค้าในตลาดสหรัฐและการส่งออกสินค้าไทยในภูมิภาคอเมริกาและละตินอเมริกา โดยย้ำถึงจุดยืนของไทย และการประเมินผลกระทบการขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่อาจเกิดขึ้น
“ เราเองเราคิดว่าประเทศไทยเราเป็นประเทศเล็กๆ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับสหรัฐมากนะครับผมว่าการที่เราจะต้องปรับตัวเอง จริงๆประเทศไทย เหมือนที่ผมเคยบอกนะครับเราเป็นที่รักของทุกประเทศนะครับไม่ว่า สหรัฐก็รักเรา จีนก็รักเรา รัสเซียก็รักเรา ตะวันออกกลางก็รักเรา อินเดียก็รักเรา เรานี่เป็นประเทศกลางๆไม่ต้องเลือกข้างไหน ..
..เพราะฉะนั้นการที่เรามีความสัมพันธ์กับทุกประเทศในลักษณะที่ดี ก็จะทำให้เราประคองตัวเองได้ ผมกลับมองว่าปัญหาต่างๆ จะกลายเป็นประโยชน์กับประเทศไทยนะครับผมเชื่อว่า ไทยเองจะเป็นจุดของการที่ทุกคนจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย “ นายพิชัย กล่าว และ ย้ำว่า จุดยืนของไทยในภาพรวมที่รักษาความสมดุล และมีการปรับตัวที่ดี อาจสร้างผลกระทบแง่บวก และสามารถอยู่รอดในสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นได้
"เนื่องจากพอเกิดภาวะสงครามการค้าเกิดขึ้น สหรัฐกับจีน ยังไงก็ต้องมี Trade War เกิดขึ้น มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันเป็นเหมือนกับเป็นหลักการของสหรัฐกับจีนที่อาจจะไม่อยากให้ใครแซงหน้าใครในแง่ของเศรษฐกิจนะครับ ก็จะต้องมีการเตะสกัดกันบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ อันนี้ผมเรียนตรงๆ นะครับ ไทยเองเป็นประเทศเล็กๆเราก็อาศัยจุดกลางๆ ที่เรารักของทุกคน เพื่อที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างสหรัฐกับจีน คือถึงแม้เขาใหญ่ทั้งคู่ แต่เค้าตัดกันไม่ขาดหรอกครับ สหรัฐกับจีนยังไงเขาก็ต้องค้าขายกัน ทำยังอย่างที่ประเทศไทยจะไปอยู่ตรงกลางเป็นตัวเชื่อมของการค้าขายระหว่างสหรัฐกับจีนให้ได้ คือจีนอยากขายของไปสหรัฐก็มาลงทุนที่ไทย สหรัฐอยากขายของไปจีนก็มาลงทุนไทย ยกตัวอย่างนะครับ ซึ่งทุกๆวันนี้ก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วเราเองเราก็อยากเห็นว่าการลงทุนต่างๆเกิดขึ้นเยอะนะครับ ก็อยากให้เข้ามาลงทุนที่ประเทศไทยเยอะๆ" รมว. พาณิชย์ กล่าวกับ วีโอเอ ไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของไทย ยกตัวอย่างการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมด้านชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อว่าไทยจะได้ประโยชน์ จากการเป็นตัวเชื่อมทางธุรกิจระหว่างคู่ขัดแย้งทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ จะย้ายฐานการผลิตในจีนมายังประเทศไทย
“ปัจจุบันนี้ประเทศไทยผลิต PCB - Printed Circuit Board จำนวนมาก สองปีที่ผ่านมา เรามีลงทุนเป็นแสนแสนล้านเลยนะครับ วันก่อนผมเจอกับทางไต้หวันเอง เค้ามางานที่เปรู เค้าประกาศเลยนะครับ ว่าประเทศไทย เป็นประเทศที่ผลิต PCB มากที่สุดในโลก เพราะทุกประเทศจะย้ายการลงทุนมาอยู่ที่ประเทศไทย เนื่องจากเชื่อว่าประเทศไทย เป็นที่รักของทุกคน อันนี้ยกตัวอย่างนะครับ มันมีอีกหลายเรื่อง เราเอง ผลิตสินค้าให้กับอเมริกาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Western Digital ซึ่งจะขยายการผลิต Hard Disk มากขึ้น เนื่องจากว่าเค้าจะใช้ใน Data Center หรือว่า Seagate ก็เหมือนกัน HP จะย้ายการผลิตจากจีน เข้ามาไทยตอนนี้ย้ายมาแล้ว 30-40% แต่ได้ยินว่าจะย้ายหมดเลย 100% อันนี้คือสิ่งที่อยากให้เห็น ที่ผมพูด ไม่ได้เพิ่งเกิด มันเกิดขึ้นแล้ว แล้วเราก็อยากให้มันเกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้น ถ้าเราเป็นตัวเชื่อมของทุกฝ่าย ก็ไม่มีใครจะคิดว่าเราจะต้องมากีดกันเรา เพราะเราเองก็จะมีหน้าที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข ประเทศไทยเราอยากให้ทุกคนมีความสุขครับ” นายพิชัย กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว กับ วีโอเอ ที่นครลอสแอนเจลิส หลังเดินทางกลับจากการร่วมคณะของ นางสาว แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเปรู เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา